ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบหนุ่มชวนทำธุรกิจร้านอาหาร หวังฮุบกิจการเป็นของตนเอง เสียหายกว่า 8 ล้านบาท
1 min readกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.พัฒนา ฉายาวัฒน์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ทัศภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.อภิชน เจริญผล รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วงศ์ปกรณ์ เปรมกุลนันท์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ป ปฏิบัติราชการ บก.ปอศ., พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.นนทพัทธ์ ยอดแก้ว รอง ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ภาสกร นภาโชติ รอง ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ.,
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ., พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด กก.3 บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุม นายประวิทย์ฯ อายุ 62 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1411/2564 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2564 ในความผิดฐาน ฉ้อโกง, เป็นบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัท กระทำหรือยินยอมให้กระทำการ ดังต่อไปนี้
(1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอม บัญชี เอกสารหรือหลักประกันของบริษัท หรือ(2) ลงข้อความเห็นหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของบริษัทหรือที่เกี่ยวกับบริษัท
สถานที่จับกุม บ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ถ.ธนะรัชต์ – วังน้ำเขียว ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก ได้มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ว่าถูกบุคคลซึ่งเป็นคนรู้จักกัน ทำการชักชวนและหลอกลวงให้ลงทุนเปิดกิจการร้านอาหารและหวังฮุบธุรกิจ โดยหลอกให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภท บริษัทจำกัด พร้อมทั้งให้ผู้เสียหายออกเงินลงทุนกว่า 10 ล้านบาท และขอถือหุ้นจำนวน 25 % แต่ยังไม่ได้ชำระเงินค่าหุ้น อ้างว่าจะนำเงินมาลงทุนร่วมด้วยในภายหลัง พร้อมทั้งรับอาสาดำเนินการเกี่ยวกับการติดต่อเช่าพื้นที่ ติดต่อผู้รับเหมา จัดซื้ออุปกรณ์ก่อสร้าง อุปกรณ์ตกแต่งร้านและสินค้าที่จะมาจำหน่ายในการดำเนินกิจการของร้าน มีการหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าดำเนินการให้แก่ผู้ต้องหา เมื่อผู้เสียหายประสงค์ให้ผู้ต้องหานำหลักฐานเกี่ยวกับค่าก่อสร้าง รวมทั้งการว่าจ้างผู้รับเหมา ซื้ออุปกรณ์ก่อสร้าง อุปกรณ์ตกแต่งร้าน ทั้งหมดมาชี้แจงเพื่อจะนำค่าใช้จ่ายมาลงในระบบบัญชีของบริษัทฯ ปรากฎว่าผู้ต้องหาสามารถแสดงหลักฐานได้เพียง 2 ล้านบาท พร้อมทั้งกีดกันไม่ให้ผู้เสียหายเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการ จากพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหามีเจตนาที่จะเบียดบังเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายรวมถึงกิจการร้านอาหารมาเป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียวแต่ทำไม่สำเร็จและหลบหนีไป เบื้องต้นพบมูลค่าความเสียหายกว่า 8 ล้านบาท
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไม่ได้เป็นการหลอกลวงผู้เสียหาย มีการประกอบกิจการร้านอาหารอยู่จริง แต่ในภายหลังไม่สามารถตกลงกันเรื่องผลประโยชน์ได้
ตำรวจสอบสวนกลาง จึงขอฝากเตือนให้พี่น้องประชาชนทุกคน ให้รู้เท่าทันถึงอาชญากรรม ปัจจุบันมีมิจฉาชีพที่หลอกลวงโดยใช้ความสนิทสนม ชิดเชื้อ อาศัยความเชื่อใจของคนเป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะในการชักชวนให้ร่วมลงทุน อ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อให้คุณร่วมลงทุน ซึ่งทุกการลงทุนหรือการประกอบธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนประกอบธุรกิจต้องศึกษาธุรกิจให้ดีและต้องมีความพร้อมก่อนที่จะทำธุรกิจต่างๆ รวมถึงต้องอาศัยความรู้ มีความละเอียดรอบคอบในการตัดสินใจก่อนที่จะลงทุน เพื่อป้องกันการทุจริตที่จะเกิดขึ้นในธุรกิจของตนเองได้