สืบนครบาล รวบ ” โอ ยี่เรือ ” ผลิต ดัดแปลงอาวุธปืนแบลงค์กัน บีบีกันขายผ่านกลุ่มโซเชียล ตรวจสอบเชื่อมโยงก่อเหตุยิงพารากอน
1 min read ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ ตร พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รรท รอง ผบ ตร (สส) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยปัจจุบันสถิติอาชญากรรมที่มีการใช้นำอาวุธปืนไปประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย ปล้น ชิงทรัพย์ ในลักษณะอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายมีเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก อาทิ เหตุกราดยิงภายในห้างสรรพสินค้า , เด็กนักเรียนนักศึกษาต่างสถาบันนำอาวุธปืนไปใช้ยิงคู่อริ เป็นต้น ซึ่งหลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่าผู้ก่อเหตุซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับมาก่อเหตุผ่านช่องทางออนไลน์ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้สั่งการอย่างเร่งด่วนให้ชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ออกแกะรอยสืบสวนจนพบ “กลุ่มขายอาวุธปืนผิดกฎหมาย” ต้นตอของการก่อเหตุอาชญากรรม ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่างผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พล.ต.ต. มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.น.8 ,พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ
,พ.ต.ต.ทศรัศมิ์ กิติธารา สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการที่ 4 และ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ประสานกับ พ.ต.อ.นิภพล สุขนิยมผกก.กก.สส.บก.น.8 พ.ต.อ. วัชรพล สุวนันทวงศ์ ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ นำกำลังสืบสวนจนพบสถานที่ที่มีการลักลอบจำหน่ายอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ชิ้นส่วนอาวุธปืนสำหรับดัดแปลงปืนแบลงค์กันให้สามารถยิงกระสุนปืนจริงขนาดต่างๆ ได้ จึงร่วมกันจับกุมตัว
นายวีระยุทธ์ หรือโอ อายุ 41 ปีที่อยู่เลขที่ 151 ซอยริมทางรถไฟ 5 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กทม.
พร้อมตรวจยึดอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน อุปกรณ์ดัดแปลงอาวุธปืนชนิดต่างๆ ให้สามารถยิงกระสุนปืนจริงขนาดต่างๆ ได้ ตลอดจนหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องกับคดี และยาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่ง เมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) จำนวน 2 ถุง น้ำหนักรวมถุง 6.02 กรัม รวมสิ่งของที่ตรวจยึด จำนวน 48 รายการ/322 ชิ้น ประกอบด้วย
1) แมกกาซีน จำนวน 26 อัน
2) โครงปืน จำนวน 6 อัน
3) ลำกล้องปืน จำนวน 38 อัน
4) สไลด์ปืน จำนวน 5 อัน
5) ลูกโม่ปืน จำนวน 5 โม่
6) ชุดลั่นไก จำนวน 1 อัน
7) ปะกับปืน จำนวน 7 อัน
8) กล่องปืนวินกันเปล่า จำนวน 1 กล่อง
9) ไกปืน จำนวน 1 อัน
10) ด้ามปืน จำนวน 5 ด้าม
11) สปริงชุดลั่นไก จำนวน 1 ชุด
12) ปลอกเหล็กอัดโม่ จำนวน 36 ปลอก
13) บูชปืน 1911 จำนวน 2 อัน
14) เป้ากระดาษ จำนวน 11 แผ่น
15) กระสุนปืน ขนาด .22 จำนวน 8 นัด
16) ไกด์รอดปืน 1911 จำนวน 4 อัน
17) นกปืน 1911 จำนวน 2 อัน
18) ชุดเข็มแทงชนวน จำนวน 2 อัน
19) หลังอ่อนปืน 1911 จำนวน 2 อัน ,
20) ลำกล้องปืนทองเหลือง จำนวน 3 อัน
21) ก้านล็อคปืนลูกโม่ จำนวน 1 อัน
22) กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 16 นัด
23) กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 18 นัด
24) ปลอกลดแสงปืนยาว จำนวน 1 อัน
25) สปริงไกด์หลอด 1911 จำนวน 1 อัน
26) กระสุนปืนแบลงค์กัน จำนวน 44 นัด
27) โทรศัพท์ยี่ห้อ OPPO สีขาว รุ่น A5 หมายเลขโทรศัพท์ 0629531300 เจำนวน 1 เครื่อง
28) โทรศัพท์ยี่ห้อ SAMSUNG lเทา รุ่น A8 หมายเลขโทรศัพท์ 0841850919 เครื่อข่าย ทรู จำนวน 1 เครื่อง
29) ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน(ยาไอซ์) จำนวน 2 ถุง (ถุงที่ 1 น้ำหนักรวมถุง 1.41 กรัม , ถุงที่ 2 น้ำหนักรวมถุง 4.61 กรัม รวม 6.02 กรัม
30) เครื่องชั่งดิจิตอล จำนวน 1 เครื่อง
31) อุปกรณ์การเสพยาเสพติด จำนวน 1 ชุด
32) กล่องพัสดุเตรียมส่งให้ลูกค้า ชื่อผู้ส่ง k.แบงค์ กษิฎิศ 0650279458 จำนวน 1 กล่อง
33) ปืนลูกโม่ดัดแปลง ขนาด .32 จำนวน 1 กระบอก
34) แมกกาซีนสแตนเลส จำนวน 12 อัน
35) แมกกาซีนเหล็กรมดำ จำนวน 12 อัน
36) สปริงแมกกาซีน จำนวน 8 อัน
37) กระสุนปืนขนาด .380 จำนวน 10 นัด
38) กระสุนปืนขนาด .32 จำนวน 11 นัด
39) ซองพกใน จำนวน 2 ซอง
40) อาวุธปืนดัดแปลง ขนาด .22 ยี่ห้อ WE จำนวน 1 กระบอก
41) ฐานรองแมกกาซีน จำนวน 4 อัน
42) สว่านแท่น จำนวน 1 แท่น
43) ล้อหินเจียร์ จำนวน 1 เครื่อง
44) ตู้เชื่อมไฟฟ้า จำนวน 1 ตู้
45) เครื่องเจียร์มือ(ลูกหมู) จำนวน 1 เครื่อง
46) ปากกาจับชิ้นงาน จำนวน 1 อัน
47) โครงแมกกาซีนอยู่ระหว่างผลิต จำนวน 1 อัน
48) ถังทดสอบอาวุธปืน จำนวน 1 ถัง
โดยกล่าวหาว่า " มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่ง นำเข้า มี หรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปีนหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต" , ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่ง เมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย เสพยาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่ง เมทเเอมเฟตามีน (ยาไอซ์) โดยผิดกฎหมาย "
กล่าวคือ จากกรณีเหตุกราดยิงที่พารากอน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ขยายผลกวาดล้างการผลิต และจำหน่ายอาวุธปืน อาวุธปืนดัดแปลง เครื่องกระสุนปืน อย่างเด็ดขาด โดยจากการสืบสวนทางโลกโซเชี่ยลพบว่ามีการจำหน่ายอาวุธปืน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลให้พิจารณาออกหมายค้นเพื่อเข้าตรวจค้นจับกุมความผิด และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นศาลอาญาธนบุรี ที่ 487/2566 ลงวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2566เข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 17 (623/6) ซอยประชาอุทิศ 65 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ เข้าทำการตรวจค้น/จับกุมตัว นายวีระยุทธ์ หรือโอ นทีธร อายุ 41 ปีพร้อมตรวจยึดอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน อุปกรณ์ดัดแปลงอาวุธปืนชนิดต่างๆ ให้สามารถยิงกระสุนปืนจริงขนาดต่างๆ ได้ ตลอดจนหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องกับคดี และยาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่ง เมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) จำนวน 2 ถุง น้ำหนักรวมถุง 6.02 กรัม รวมสิ่งของที่ตรวจยึด จำนวน 48 รายการ/322 ชิ้น โดยพบอุปกรณ์ที่มีลักษณะเชื่อมโยงกับเหตุกราดยิงที่ ห้างพารากอน โดยจะได้ดำเนินการขยายผลต่อไป
จากการซักถามนายวีระยุทธ์ ให้การว่าเดินทีหลังจากเรียนจบระดับชั้น ปวส.สาขาช่างยนต์ จากสถาบันอาชีวะแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ตนได้ทำงานเป็นช่างยนต์ ก่อนจะหันมาเล่นปืนบีบีกัน เนื่องจากตนมีความรู้เรื่องช่างเป็นทุน บวกกับมีเพื่อนแนะนำให้ลองซ่อมดัดแปลงปืนบีบีกันให้สามารถยิงกระสุนปืนจริงได้ จึงได้ลองทำ และสามารถทำได้ดี จึงหันมารับจ้างทำเป็นอาชีพหลักและเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการกลุ่มลับพร้อมกับย้ายมาหาเช่าอยู่ในพื้นที่ทุ่งครุ มีรายได้ต่อเดือนจากการก่อเหตุกว่าเดือนละ 30,000 บาท เงินที่ได้รับว่านำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่าที่พัก และซื้อยาเสพติดมาเสพ ทั้งนี้ตนเคยถูกจับ ปี 58 ในความผิดฐาน " ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่ง นำเข้า มี หรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปีนหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต"พื้นที่ สน.บางยี่เรือ ครั้งนั้นถูกศาลตัดสินจำคุกในเรือนจำบางบอน 3 ปี จากการตรวจสอบประวัติคดีของผู้ต้องหาในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบประวัติเคยจับกุมในความผิดฐาน “ ตัวการมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน หรืออนุพันธ์แอมเฟตามีน) ” ปี 2558 ท้องที่สน.วังทองหลาง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทางคดีนำส่ง พงส.สน.ราษฎร์บูรณะ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป