ผบก.น. 2 ยืนยันขอศาลออกหมายแดง ติดตามผู้ต้องหา ฆ่าโหดอดีตทูตฯ หลังพบ หลบหนีออกนอกประเทศ
1 min readผบก.น. 2 ยืนยันขอศาลออกหมายแดง ติดตามผู้ต้องหา ฆ่าโหดอดีตทูตฯ หลังพบ หลบหนีออกนอกประเทศ ไม่ยืนยันสถานะ ความสัมพันธ์แต่พบว่าผู้ต้องหาเข้าออกบ้านผู้เสียชีวิต 3 วันติดต่อกันก่อนลงมือก่อเหตุ พบโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียชีวิตจำนวนกว่า 50,000 บาท ก่อนหลบหนี ขึ้นรถประจำทางไปจังหวัดเชียงราย
พลตำรวจตรีอรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดี พบศพอดีตเอกอัครราชทูต กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ถูกแทงที่หน้าอกจำนวนสามแผลกลายเป็นศพถูกอำพรางอยู่ในห้องน้ำชั้น 2 ในบ้านพักในซอยวิภาวดี 20
พลตำรวจตรีอรรถพลเปิดเผยว่าทางชุดสืบสวน ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุเป็นชายชาวเมียนมาร์ตั้งแต่เมื่อวานนี้ จากการติดตามผู้ก่อเหตุพบว่า ได้เดินทางหลังจากก่อเหตุ ในวันที่ 28 กันยายนโดยเรียกรถแท็กซี่ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มโดยใช้วิธีกดผ่าน iPad ของผู้เสียชีวิตก่อนจะไปขึ้นรถโดยสารประจำทางมุ่งหน้าไปจังหวัดเชียงราย ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาชุดสืบสวนได้ตรวจสอบที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงรายแล้วพบว่า ได้เดินทางออกนอกประเทศไปช่วงเวลา 07:12 น.
สำหรับเส้นทางการหลบหนีหลังก่อเหตุ ผู้ต้องหาเดินออกมาจากบ้าน ผ่านบริเวณป้อมรักษาความปลอดภัยหน้าหมู่บ้านก่อนจะไปเรียกแท็กซี่บริเวณถนน ก่อนไปแวะกดเงิน ที่ตู้เอทีเอ็มโดยโอนเงินผ่าน iPad ของผู้เสียชีวิต โดยแวะกดเงิน 2 แห่ง ก่อนไปซื้อตั๋วรถโดยสารประจำทาง
โดยการซื้อตั๋วรถโดยสารครั้งแรกปรากฏว่ารถคันที่จะโดยสารไปเกิดเสีย จึงต้องรอรถโดยสารคันใหม่ในช่วงเย็น ทำให้เดินทางไปถึงจังหวัดเชียงรายในช่วงเช้า ขณะที่การตรวจสอบยอดเงินในบัญชีของผู้เสียชีวิตทราบว่ามีการกดโอนเงินจำนวน 22,000 บาท และจากการเอามือถือไปสแกนกดเงินที่หน้าตู้เอทีเอ็มอีกจำนวน 34,200 บาท
สำหรับการประสานติดต่อกับทางการประเทศเพื่อนบ้านเพื่อที่จะนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีนั้น หลังได้รับข้อมูลและหลักฐานจากตรวจคนเข้าเมืองว่าผู้ต้องหาหลบหนีออกไปก็จะส่งข้อมูลดังกล่าวรายงานต่อศาล เพื่อขอหมายแดงเพื่อประสานประเทศเพื่อนบ้านให้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในประเทศไทยและหลบหนีออกไป
ส่วนผู้ต้องหามีความรู้จักกับผู้เสียชีวิตได้อย่างไรนั้น พบว่า มีการเข้าออกบ้านผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 วันก่อนก่อเหตุตั้งแต่ วันที่ 25-27 กันยายน ตามพยานหลักฐานที่ตรวจพบ และจากการตรวจสอบย้อนกลับไปในช่วงเวลาเวลาดังกล่าว ผู้ต้องหาและผู้เสียชีวิตจะออกจากบ้าน ไปช่วงเวลาประมาณ 17:00 น. และจะกลับเข้ามาอีกครั้งในเวลา 19:00 น. และในวันที่ 28 กันยายนวันเกิดเหตุกลับเข้ามาประมาณ 21:00 น. ก่อนจะมีการทะเลาะกัน
ซึ่งในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างผู้ต้องหากับผู้เสียชีวิตจะต้องมีการสอบพยานแวดล้อมเพิ่มเติมอีกครั้ง เนื่องจากช่วงเวลาเกืดเหตุผู้เสียชีวิตพักอาศัยอยู่คนเดียว
จากการตรวจสอบยังพบว่าผู้ต้องหาได้นำเอาโทรศัพท์ 1 เครื่อง และไอแพด 1 เครื่อง ของผู้เสียชีวิตไปด้วย ส่วนทรัพย์อื่นๆต้องรอตรวจสอบกับทางญาติเพื่อยืนยันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามทางผู้บังคับบัญชาได้มีการสั่งการให้เร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี โดยจะประสานกับทางการประเทศเพื่อนบ้านให้ช่วยเร่งติดตามอีกทางหนึ่ง และจากการตรวจสอบขนาดนี้ยังยืนยันว่าผู้ก่อเหตุมีเพียง 1 คน