บริการไม่ดี! หนุ่มพิการแค้นควบวิลแชร์ ห่อขี้ปาใส่ร้านกระจาย
1 min readบุรีรัมย์-วงจรปิดเห็นชัด ชายปริศนาขับรถวิลแชร์ไฟฟ้ามาหน้าร้านซ่อมรถกลางดึกแล้วปาอุจจาระใส่หน้าร้าน ชายพิการวัย 66 ปีในวงจรปิดรับ ทำจริงเพราะแค้นที่ไปขอปรึกษาอาการระบบรถไฟฟ้าวิลแชร์กับร้านซ่อมรถ แต่เจ้าของร้านไม่ตอบเหมือนรังเกียจ ขอโทษแล้วและจะไม่เข้าไปใช้บริการอีก
วันที่ 21 ต.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากเจ้าของร้านซ่อมรถจักรยายนต์ใน อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ว่าถูกคนเอาอุจจาระมาปาใส่ร้าน ทั้งที่ไม่เคยมีเรื่องกับใคร และอยากฝากผ่านให้เป็นกรณีศึกษา
สอบถามนายวีระยุทธ นามทะจันทร์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119/14 ม.7 ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เจ้าของร้าน ระเกษตรยนต์ เป็นร้านซ่อมเครื่องยนต์การเกษตรและรถจักรยานยนต์ ตั้งในเขตเทศบาลสตึก ริมถนนเข้าโรงพยาบาลสตึก
โดยนายวีระยุทธ ได้นำภาพในกล้องวงจรปิดของร้านมาให้ผู้สื่อข่าวดูถึงพฤติการณ์ของคนชายสูงอายุ ขี่รถรถวิลแชร์ไฟฟ้า มาจอดหน้าร้านแล้วปาสิ่งของใส่ร้านชัดเจน
นายวีระยุทธ เล่าว่า เมื่อวันก่อนตนเปิดร้านมา เห็นอุจจาระกระจัดกระจายอยู่หน้าร้าน มองดูแล้วเป็นลักษณะเหมือนมีการจงใจ จึงเปิดกล้องวงจรปิดดูพบว่าเป็นชาย น่าจะพิการเพราะนั่งรถวิลแชร์มา แต่สิ่งที่ตนสงสัยคือตนเองไม่เคยมีศัตรู ไม่เคยทำร้ายใคร แล้วทำไมชายคนดังกล่าวมาทำแบบนี้กับร้านตนได้ จึงลงบันทึกประจำวันเอาไว้ จนกระทั่งตำรวจ สภ.สตึก ทราบว่า
บุคคลในกล้องวงจรปิด เป็นนายสำราญ โพธิ์ล้อม อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ม.17 ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ต่อมานายสำราญได้ขี่รถคันดังกล่าวมาที่ร้านยอมรับว่าเป็นคนในภาพของวงจรปิด และขอโทษที่ได้กระทำลงไป สาเหตุเพราะไม่พอใจการบริการของร้าน แต่ดูแล้วไม่สมเหตุสมผลที่อ้างว่าตนบริการไม่ดี มาขอคำปรึกษาแต่ไม่ตอบคำถาม ไม่คิดว่าเวลานั้นตนเองยุ่งแค่ไหน จริงแล้วเรื่องมันผ่านมาแล้ว 2 วันแล้ว ไม่คิดว่านายสำราญ ฝังใจถึงขนาดนั้น
สอบถามนายสำราญ ชายในวงจรปิด ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตนเองป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ ตั้งแต่ปี 2560 ทำให้ร่างกายไม่ปกติต้องนั่งรถวิลแชร์
วันก่อนได้ขับรถวิลแชร์ไปที่ร้านของนายวีระยุทธ เกี่ยวกับระบบเบรกรถไฟฟ้าของตนเอง แต่นายวีรยุทธ เจ้าของร้านไม่สนใจ ทั้งๆที่พ่อของนายวีรยุทธ กับตนเองเป็นเพื่อนรักกัน
ยอมรับว่าน้อยใจ นอนคิด 2 คืนว่าอยากจะระบายความแค้น จึงนำอุจจาระใส่แก้วพลาสติกไปปาใส่ร้าน เพื่อเป็นการสั่งสอนเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาอื่น ตอนนี้รู้สึกว่าตนเองทำผิดจึงไปขอโทษเจ้าของร้าน ซึ่งต่อไปนี้ตนเองคงจะไม่เอารถไปซ่อมร้านนั้นอีกแล้ว