แรงงานสาวร้อง “บิ๊กโจ๊ก” ถูกผัวเมีย นายจ้างโหด ทำร้ายทารุณ สั่งให้แลบลิ้น แล้วจุดแก๊สกระป๋องเผาปาก
1 min readเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ต.ค.นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอได้นำลูกจ้างสาวอายุ 21 ปี เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. หลังถูกเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่น ย่านภาษีเจริญ ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนเคยทำงานที่ร้านอาหารแห่งนี้มาเมื่อช่วงอายุ 16 ปี โดยมีรุ่นพี่แนะนำให้ จากนั้นตนได้ลาออกมา ก่อนจะกลับไปทำงานใหม่ตอนอายุ 17 ปี จนถึงปัจจุบันที่อายุ 21 ปี ซึ่งเพื่อนร่วมงานได้ลาออกไปกันหมดแล้ว เหลือตนแค่เพียงผู้เดียว ซึ่งตนเพิ่งถูกทำร้ายร่างกายอย่างหนักในช่วงรอบปีที่ผ่าน และต้องทำหน้าที่ทุกอย่างในร้านเพียงคนเดียว ตั้งแต่เปิดร้าน เสิร์ฟอาหาร ล้างจาน จนกระทั่งเก็บร้าน บางวันต้องตื่นตั้งแต่ 8 โมงเช้าเพื่อมาจัดร้าน ได้นอนเพียงวันละ 3 – 4 ชั่วโมง และต้องนอนอยู่ในห้องครัว ต้องใช้ขวดน้ำมาเป็นหมอนแทน ได้กินข้าววันละ 1 มื้อ โดยมีข้าวกับไข่ ซึ่งในบางวันหากลูกค้ากินอาหารเหลือ มีเศษอาหาร ตนก็จะแอบเอามากิน หากเจ้าของร้านทราบเรื่องก็จะถูกทำร้ายร่างกาย และไม่เคยได้รับเงินค่าจ้างเลยแม้แต่บาทเดียว
ได้รับเงินครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงปีใหม่เป็นเงินแต๊ะเอียเป็นจำนวนเงิน 50 บาท หากวันไหนเจ้าของร้านบอกว่าเธอทำตัวไม่ดีก็จะถูกลงโทษ ด้วยหลากวิธี อาทิเช่น โดนสาดน้ำร้อน สั่งให้แลบลิ้นแล้วจุดแก๊สกระป๋องเผาปาก ใช้สายไฟรัดคอจนสลบ จากนั้นเตะให้ฟื้นแล้วรัดคอซ้ำ จุดไฟเผาตามร่างกาย ใช้มีดฟันปากและตามร่างกาย จุดแก๊สกระป๋องเผาอวัยวะเพศ จนทำให้ทั่วทั้งร่างกายของตนมีรอยแผลเป็นเต็มไปหมด ซึ่งที่ผ่านมาตนเคยขอร้องว่าอย่าทำร้าย แต่เจ้าของร้านก็จะอ้างว่าตนต้องรับผิดชอบเพราะลูกค้าติติงมา แล้วที่ผ่านมาตนเคยคิดสั้นถึงขั้นจะฆ่าตัวตายแต่ก็เป็นห่วงลูก จึงล้มเลิกความคิดดังกล่าวไป ตลอดเวลาที่ผ่านมา เคยมีลูกค้าถามว่าไปโดนอะไรมา ต้นก็เลี่ยงตอบไปว่าประสบอุบัติเหตุเองเพราะเจ้าของร้านสั่งไว้ว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร ส่วนเหตุผลที่ตนต้องทนอยู่เพราะว่า เมื่อช่วงอายุ 17 ปี ที่ตนกลับมาทำงานที่ร้านนี้อีกครั้งนั้น ตนได้ตั้งครรภ์และคลอดลูก ทางร้านอาสาจะดูแลค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดในตอนคลอดและใช้จำนวนเงิน 10,000 บาท
นอกจากนี้ พ่อของตนเคยประสบอุบัติเหตุขาหักเจ้าของร้านก็เข้าไปดูแลรักษาค่าพยาบาลให้จนหายดี และเจ้าของร้านก็ยังได้ไปแจ้งความจับสามีตนเองในข้อหาพรากผู้เยาว์ เพราะตอนนั้นที่ตนตั้งครรภ์ยังอายุได้เพียง 17 ปี ซึ่งปัจจุบันสามีได้พ้นโทษออกมาแล้ว ส่วนลูกของตนเจ้าของร้านแนะนำว่าให้เอาไปฝากให้กับมูลนิธิแห่งหนึ่ง เพราะถ้าหากเลี้ยงเองก็จะไม่สามารถดูแลเลี้ยงลูกได้ ด้วยความที่ตอนนั้นยังเด็กจึงเชื่อไป โดยตนเจอลูกครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปีก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าของร้านไม่เคยพาลูกมาเจอ ตนอยากเจอลูกแต่ไม่มีเงินเป็นค่าเดินทางเพื่อจะไปพบลูก
ครั้งหนึ่งเคยเล่าเรื่องนี้ให้ตำรวจฟัง แต่พอเจ้าของร้านได้ยินก็ออกมาต่อว่าตนโกหก บาดแผลที่เห็นนั้นเกิดจากตนทำร้ายร่างกายตัวเอง พร้อมกับทวงถามบุญคุณว่าเคยช่วยพ่อและเคยช่วยลูกของตนไว้ จำไม่ได้เลยเหรอและตนเคยคิดที่จะแจ้งความ แต่ทางเจ้าของร้านอ้างว่ารู้จักกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ จึงทำให้ตนเกิดความหวาดกลัว จึงหลบหนีออกมาเมื่อช่วงเย็น(24 ต.ค.) ขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า กรณีดังกล่าวตนได้ทราบเรื่องแล้ว ซึ่งเจ้าของพื้นที่รับผิดชอบคือสน. ภาษีเจริญ เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน หลังจากนี้จะเรียกผู้กำกับการ สน.ภาษีเจริญเข้ามาพูดคุยและร่วมสอบปากคำผู้เสียหาย ซึ่งชุดสืบสวนสอบสวนของตน และกระทรวงแรงงาน จะขออนุมัติศาลออกหมายจับโดยเร็ว ในส่วนเจ้าของร้านนั้นเบื้องต้นยังไม่พบข้อมูลว่ามีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่แต่อย่างใด เป็นเพียงเจ้าของร้านอาหารทั่วไป จึงขอให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบอะไรที่ไม่ดี ให้แจ้งตำรวจในพื้นที่ได้ทันที
Loading…