สืบนครบาล รวบบัญชีม้าคอลเซ็นเตอร์ 3 หมายจับหลอกผู้เสียหายว่าเกี่ยวข้องยาเสพติด อ้าง สภ.ชลบุรี ให้โอนเงินตรวจสอบ
1 min read ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รรท. รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เร่งทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการนี้อ้าง สภ.ชลบุรี หลอกผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยใช้บัญชีม้าชื่อ นางสมพิศ ศรีแสง มูลค่าความเสียหายเกือบ 2 แสนบาท อ้างเปิดบัญชีให้รถยนต์รับจ้างสาธารณะ ได้ค่าจ้างบัญชีละ 400-500 บาท
เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2566. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.ฯ,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ,พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1ฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.พัฒพงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.4ฯ, พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1ฯฯ พร้อมชุดปฎิบัติการที่ 2,4 ได้ร่วมกันจับกุมตัว นางสมพิศ หรือเอ๋ อายุ 45 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.130/2565 ลงวันที่ 25 ก.พ. 2565
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” จับกุมได้ที่บริเวณหอพักไม่ทราบเลขที่ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 40/1 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ
จากการตรวจสอบพบหมายจับเพิ่มอีก 3 หมาย ได้แก่ ศาลจังหวัดอ่างทอง ที่ 113/2565 ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”
ศาลาอาญา ที่ 1908/2565 ลงวันที่ 9 กันยายน 2565 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
ศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.590/2565 ลงวันที่ 9 กันยายน 2565 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน้วยการแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริต ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
พฤติการณ์ในคดี ก่อนวันเวลาเกิดเหตุได้มีโทรศัพท์เป็นผู้หญิงโทรเข้ามาที่ผู้เสียหาย แต่จำไม่ได้ว่าหมายเลขใด บุคคลดังกล่าวได้ให้ผู้เสียหายแอดไลน์ของบุคคลดังกล่าว ได้ปรากฎไลน์”สภ.ชลบุรี” ขึ้นมา ในไลน์ดังกล่าวมีรูปตราโล่ห์ตำรวจปรากฎอยู่ด้วย จึงเชื่อว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจจริง ได้มีการโทรศัพท์ทางไลน์เป็นหญิงคนเดียวกับเสียงในโทรศัพท์แจ้งมาว่าผู้เสียหายเป็นผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดรายใหญ่ ให้โอนเงินไปที่บัญชีธนาคารกรุงเทพ ที่มีชื่อ น.ส.สมพิศ เป็นเจ้าของบัญชีเพื่อทำการตรวจสอบว่าหลังจากที่ผู้เสียหายโอนไปหมดบัญชีแล้ว ยังมีเงินโอนเข้ามาในบัญชีอีกหรือไม่ ถ้ามีเงินโอนเข้ามาถือว่าเป็นเงินยาเสพติด ถ้าหากทางเจ้าพนักงานตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหายาเสพติดรายใหญ่ได้จะโอนเงินคืนให้กับผู้เสียหาย และหลงเชื่อ จึงได้ทำการโอนเงินครั้งแรก จากบัญชีธนาคารกสิกรไทย ที่มีชื่อ น.ส.สมพิศ เป็นเจ้าของบัญชี เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2564 จำนวน 100,000 บาท ที่หน้าเค้าเตอร์ธนาคารดังกล่าว และไปโอนจากบัญชีธนาคารทหารไทยของผู้เสียหายไปที่บัญชีธนาคารกรุงเทพ ที่มีชื่อ น.ส.สมพิศ เป็นเจ้าของบัญชี เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2564 จำนวน 60,000 บาท ที่ภายในธนาคารทหารไทย เมื่อผู้เสียหายได้ปรึกษาเจ้านายจึงได้รู้ว่าถูกมิจฉาชีพดังกล่าวหลอกให้โอนเงิน ได้รับความเสียหายจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์
สอบถามผู้ต้องหาให้การว่ามีแท็กซี่มาติดต่อว่าจ้างให้ตนไปเปิดบัญชีธนาคารให้ โดยได้เปิดบัญชีให้แท็กซี่อย่างเดียว ได้ค่าจ้างบัญชีละ 400-500 บาท หลังจากนั้นได้ให้สมุดบัญชี กับ บัตร atm ดังกล่าวไป หลังจากนั้นนำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป