เหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ เข้าร้องกองปราบ หลังถูกหลอกไปทำงานที่ไต้หวัน และจะถูกจับขายต่อให้กับแก๊งค้ามนุษย์
1 min readกรุงเทพมหานคร-นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ 3 ราย เข้าร้องเรียนต่อกองบังคับการปราบปราม หลังถูกหลอกไปทำงานที่ไต้หวัน และจะถูกจับขายต่อให้กับแก๊งค้ามนุษย์
นายเอกภพ กล่าวว่า กระแสในช่วงนี้ประชาชนชาวไทยถูกหลอกไปทำงานที่ต่างประเทศเป็นจำนวนมาก จนเป็นข่าวดังว่ามีผีน้อยถูกตรวจขันและถูกจับกุมตีกลับประเทศ อีกทั้งขบวนการค้ามนุษย์ยังระบาดหนัก สร้างเว็บเพจมาหลอกคนไทยเรียกเก็บค่านายหน้า มีพฤติการณ์สร้างโปรไฟล์ พาคนไทยไปสร้างหลักฐานให้ดูดีว่าได้รับเงินมีงานอยู่จริง ก่อนจะกลับมาหลอกคนไทยรายอื่นไปทำงาน แต่ไม่มีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง คอยตรวจสอบป้องปรามไม่ให้เกิดเรื่อง วันนี้จึงพาเหยื่อ 3 ราย ที่ถูกหลอกไปทำงานที่สวนส้ม ใน ไต้หวัน มาร้องขอความเป็นธรรม และเอาผิดกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย
ด้าน นายขัน วิงวร ผู้เสียหาย เผยว่า ตนและภรรยา พร้อมคนรู้จักอีก 1 คน ได้เห็นโพสในเฟสบุ๊กว่า มีประกาศรับคนงานไปทำสวนส้มในไต้หวัน ได้ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 900 บาท สูงสุดวันละ 1,400 บาท จึงติดต่อไปสอบถามกับเอเยนต์ชื่อ นางสาวตะวัน ซึ่งขั้นตอนการไปทำงานจะต้องมีค่าใช้จ่ายคนละ 50,000 บาท เพื่อเป็นค่าดำเนินการทั้งหมดในการเดินทางไปทำงานที่ไต้หวัน ก่อนจะตัดสินใจตกลงและพากันกู้เงินมาคนละ 50,000 บาท รวม 3 คน เป็นเงินจำนวน 150,000 บาท โอนให้กับนางสาวตะวันทัน
ต่อมา วันที่ 30 ตุลาคม 2566 นางสาวตะวัน ได้นัดเจอกันที่สนามบิน เพื่อมอบตั๋วเครื่องขาไป-กลับ แต่ตั๋วขากลับเป็นตั๋วปลอมที่ใช้ตบตาเจ้าหน้าที่ตม.ไต้หวัน แต่ตนไม่ได้ทันสังเกต จึงเดินทางไปยังไต้หวันโดยปกติ
เมื่อไปถึงไต้หวัน ได้มีรถตู้ 3 คันมารอรับ โดยมีหญิงคนไทยมาเป็นผู้นำทางไปถึงภูเขาแห่งหนึ่ง ก่อนภรรยาของตนจะถูกจับแยกให้อยู่ตีนเขา เพื่อทำงานในสวนมะเขือเทศ แต่ไม่ได้ค่าจ้าง ส่วนตนและคนรู้จักอีกคน ถูกนำมาปล่อยไว้ที่บนเขา กินนอนอยู่ที่นั้นค้างอยู่ 2 วัน มีเพียงแค่มาม่า 2 ห่อ น้ำ 5 ขวด และห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ เมื่อตนถามว่าเมื่อไรจะได้ทำงาน พวกนั้นอ้างว่ายังไม่มีงานทำให้รอไปก่อน แต่จริงๆแล้วรอเพื่อขายต่อให้กับขบวนการค้ามนุษย์ ตนและคนรู้จักจึงตัดสินใจพากันหลบหนีลงจากเขาและแวะรับภรรยา ก่อนจะติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังวัดไทยที่อยู่ในไต้หวัน เพราะอยู่ในกลุ่มไลน์พระนี้พอดี พระทราบเรื่องดังกล่าวจึงเกิดความสงสาร ออกค่าใช้จ่ายตั๋วเครื่องบินค่ากลับให้ และได้ไปหลับซ่อนตัวอยู่ที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง เพื่อช่วยเหลือประสานในการไปยังสนามบินเพื่อเดินทางกลับไทยในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2566
ทั้งนี้ ฝากเตือนไปยังคนที่กำลังหาเป็นแรงงานต่างประเทศว่า งานที่ดีแสนง่ายได้เงินดีไม่มีอยู่จริง ทำงานที่ไทยดีกว่า หรือถ้าอยากไปจริงๆควรตรวจเช็คให้ดีเสียก่อน