“บิ๊กโจ๊ก” แถลงคืบหน้าช่วยเหลือแรงงานไทยจากเล้าก์ก่าย เร่งประสานทางการจีนปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์
1 min readพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยตัวแทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน และกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงกรณี คนไทยที่เป็นผู้ประสบภัยจากเหตุภาวะสงครามในประเทศเมียนมา จำนวน 266 คน ที่สามารถช่วยเหลือกลับมาได้ และเข้าสู่กระบวนการคัดแยกที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า NRM ที่ตั้งภายในศูนย์การเรียนรู้กรุงเทพมหานครกรุงเทพมหานครสถาบันพัฒนาทรัพยากรบุคคลกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก / โดยบอกว่า ในเบื้องต้นการคัดกรอง เสร็จสิ้นไปบางส่วนแล้ว / สามารถคัดแยก ออกเป็น 5 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 มี 6 คน เป็นบุคคลที่มีหมายจับ ซึ่ง 4 ใน6 เป็นบัญชีม้า ส่วนอีก 2 คนเป็นผู้ต้องหาคดีอื่นๆ // กลุ่มที่ 2 จำนวน 98 ราย ไม่มีข้อบ่งขี้เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ // กลุ่มที่ 3 จำนวน 51 ราย คัดกรองแล้วพบว่าไม่ได้เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์แต่เป็นกลุ่มที่เดินทางไปทำงานด้วยตนเองตอนนี้เตรียมส่งกลับภูมิลำเนา แต่หากพบหลักฐานภายหลังว่าไปหลแกหลวงหรือกระทำผิดอื่นใดก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป // กลุ่มที่ 4 จำนวน 75 คน เป็นกลุ่มที่ยังรอการตรวจพิสูจน์ // และ กลุ่มที่ 5 จำนวน 36 คน เป็นบุคคลที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังบอกอีกว่า มี 2 พื้นที่ในเมียนร์มา คือ ‘เมืองแผน’ โดย มีคนไทยประมาณกว่า 100 คน และ’เมืองเล้าก์ก่าย’ ประมาณ 10 กว่าคน ซึ่งทั้ง 2 พื้นที่อยู่ระหว่างการประสานให้การช่วยเหลือ
ส่วนคนไทย 41 รายที่ช่วยเหลือมาก่อนหน้านี้ที่ศูนย์พักพิงจังหวัดเชียงราย ยังอยู่ระหว่างการคัดแยก
โดยหลังจากนี้ทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวน เป็นข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการนายทุนจีนสีเทาหรือไม่ รวมถึงขบวนการคอลเซนเตอร์ด้วย / พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยืนยันว่า บุคคลที่ส่งกลับบ้านไปแล้ว หากการตรวจสอบพบว่ามีความเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีในภายหลัง เพราะจะมีข้อมูลทั้งหมดอยู่แล้ว / และยังมีรายงานว่า มี 4-5 คน ใน 5 กลุ่ม ที่เคยได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลให้กลับ แต่เมื่อกลับมาแล้วก็ยังลักลอบไปประเทศเมียนนาร์ ออกไปอีกจากการไปทำงานที่ประเทศเมียนมาอีก
และแม้ว่าที่ผ่านมาจะสามารถจับได้เพียงบัญชีม้า แต่กลุ่มที่เป็นตัวการคอลเซนเตอร์ โดยเฉพาะคนที่คุยกับผู้เสียหาย อย่านิ่งนอนใจ เพราะทีมสืบสวนสามารถเช็กประวัติการโทรศัพท์ และเส้นทางการเงินได้ทั้งหมด ว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไร และเมื่อได้ข้อมูลเหล่านี้มาจะไปขอหมายจับสากลส่งไปยังทางการจีน และเร็วๆนี้ตนเองจะเดินทางไปยังขอความร่วมมือกับหน่วยงานของจีนที่ดูแลเรื่องนี้
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ย้ำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องทำการบ้านเยอะ ปัญหาคอลเซ็นเตอร์จะแก้ได้ก็ต้องแก้จากต่างประเทศเพราะฐานอยู่ที่ต่างประเทศ ตอนนี้ก็กำลังประสานความร่วมมือกับทางประเทศจีนอยู่ เนื่องจากจีนกำลังเร่งปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์อย่างเข้มข้น และในทุกๆขบวนการคอลเซ็นเตอร์มีกจะมีคนไทยแฝงอยู่จึงต้องประสานให้ช่วยเหลือคนไทยออกมาจากจุดที่อันตรายก่อน ส่วนจะเป็นผู้ต้อวหาหรือผู้เสียหายก็ค่อยดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พร้อมทั้งขอเตือนคนไทยที่ตั้งใจจะไปเป็นคอลเซ็นเตอร์ต้องเลิกทำเพราะตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังไล่ออกหมายจับและดำเนินคดีทั้งหมด
ด้านเจ้าหน้าที่ พม. บอกว่า ภายหลังระบวนการสืบสวน และคัดแยำออกหมาแล้ว จะตรวจสอบว่ากลุ่มเหยื่อ มีความประสงค์ที่จะอยู่ในการดูแลของกระทรวง พม. หรือไม่ หรือประสงค์ที่จะกลับบ้านซึ่งหากกลับบ้านก็จะส่งต่อให้กับ พม.จังหวัด ให้ไปดูแลตามสิทธิ์พวกเงินกองทุนเงินสินไหมต่างๆ
และยังมีรายงานจากกระทรวงแรงงานว่า เบื้องต้น แรงงานทุกคน ที่ได้รับการช่วยเหลือมาไม่มีใครที่ผ่านกระบวนการจัดหางานของกระทรวงแรงงานเลย
นอกจากนี้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังพูดถึงกรณีขอทานแก๊งชาวจีนตอนนี้มีการขยายผลคาดว่าอาทิตย์หน้าจะทราบข้อมูลว่ากลุ่มขอทานชาวจีนเข้ามาไทยได้อย่างไรและจะไล่ตรวจสอบทั้งหมดถึงผู้ที่ให้การสนับสนุนทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและบุคคลบุคคลอื่นว่ามีคนไทยให้ความร่วมมือนั้นเป็นใคร เพื่อติดตามตัวมาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย