เพจกล้าที่จะก้าว พาผู้เสียหายออกเตือนภัย บริษัทบัญชีในจ.สุพรรณ หลอกเงินร่วม 10 ล้าน
1 min read
นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจ ‘กล้าที่จะก้าว’ พร้อมตัวแทนผู้เสียหาย 4 คน ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเตือยภัยบริษัทบัญชี ทำบัญชีส่วนตัว แต่ถูกเจ้าของบริษัทบัญชี โกงกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งประชาชนที่มาจ้างมีอาชีพเป็นชาวนา
นายอธิวัฒน์ ระบุว่าตนเองได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายว่าถูกบริษัทรับทำบัญชีโกงเงินไปรวมมูลค่านับ 10 ล้าน ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของกิจการที่ต้องการความสะดวกสบายในการเสียภาษีจึงได้จ้างบริษัทแห่งนี้ แต่มีการเรียกเก็บภาษีจากบริษัทแห่งนี้หลายครั้งโดยให้ญาติโอนเข้าสำนักบัญชีแต่เป็นการโอนบัญชีส่วนตัว บางรายจะอาศัยจังหวะที่ผู้เสียหายไปต่างประเทศ แล้วเรียกเก็บกับญาติผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายเดินทางกลับมาจึงมาทราบว่าเป็นการเรียกเก็บซ้ำซ้อน โดยมีการชำระเงินให้กับบริษัทแห่งนี้มากถึง 41 ครั้ง มูลค่ากว่า 10 ล้าน ซึ่งหลังจากนี้จะพาผู้เสียหายไปร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนทำเนียบรัฐบาลต่อไป
นายธีรยุทธ รุ่งเรือง อายุ 36 ปี หนึ่งในผู้เสียหายระบุว่า ตนเองรู้จักบริษัทรับทำบัญชีแห่งนี้ซึ่งอยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรี จากพนักงานสินเขื่อธนาคารแห่งหนึ่ง จากนั้นได้ให้บริษัทแห่งนี้ทำบัญชีเพื่อคำนวนภาษีแต่ละปีต้องเสียเท่าไหร่อะไรบ้างตั้งแต่ปี 60 จนปี 66 รู้สึกว่าตนเองเสียภาษีเยอะเกินความเป็นจริง ซึ่งหลังกลับมาจากต่างประเทศ ได้คุยกับน้องชายพบว่าทางบริษัทมีการมาเรียกเก็บภาษีไปกว่า 2 ล้านบาท หากรยมที่ตนเองโอนไป 71 ครั้ง รวมกว่า 6,402,514 บาท จากนั้นได้ขอเอกสารจากสรรพากรว่าในอดีตจนถึงปัจจุบันนั้นบริษัทบัญชีได้จ่างภาษีตรงกับที่ตนต้องจ่ายหรือไม่ และพบว่ายอดไม่ตรงกับที่เราต้องยื่น อีกทั้งช่วงปี 64 เขาก็ไม่จ่ายภาษี ภงด.50 ภงด.51 แต่มีการมาเรียกเก็บภาษีกับเราไปและมาเรียกเก็บอีกครั้งในปี 66 ซึ่งตอนนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นการจ่ายซ้ำซ้อน ซึ่เขาอ้างว่าสรรพากรเรียกเก็บเพิ่ม

และที่ผ่านมายังเคยหลงเชื่อให้บริษัทแห่งนี้ไปจ่ายเงินประกันสังคมของพนักงานซึ่งเขาเสนอว่าจะดำเนินการให้สุดท้ายเมื่อได้รับเงินไปก็ไม่ได้เิาไปจ่าย เมื่อสอบถามไปก็บ่ายเบี่ยงตลอด
และที่ผ่านมาไม่ได้รู้สึกเอ๊ะใจอะไรที่เขาให้โอนเข้าบัญชีส่วนตัว เพร่ะก่อนหน้าเขาเคยพูดว่า บัญชีบริษัทจะรับเงินแค่ค่าทำบัญชี ส่วนภาษีต้องโอนบัญชีส่วนตัว ซึ่งก็ทำแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มบริษัท
นายอธิวัฒน์ ยังระบุว่า จากข้อมูลที่ได้มาพบว่าบริษัทแห่งนี้ทำมานานประมาณ 7-8 ปี ทรัพย์สินที่ได้จากการโกงผู้เสียหายมาไปแปลสภาพเป็นบ้าน รถ ที่ดิน อีกทั้งยังกินหรูอยู่สบาย ซึ่งมีการถ่ายโอนไปให้คนอื่นครอบครองทรัพย์สิน บางที่เป็นการซื้อด้วยเงินสด และซื้อในพื้นที่ใกล้กันหลายแปลง ในส่วนการดำเนินคดีเบื้องต้นน่าจะเกี่ยวกับการฉ้อโกง ซึ่งถ้ามีผู้เสียหายมากกว่า 10 รายก็อาจจะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในการทำคดีอย่างตรงไปตรงมา
