ผู้ช่วยเลขาฯ กทม. นําเทศกิจ 3 นาย ตามคดี กรณีถูกไรเดอร์หัวร้อน ชักอาวุธมีดข่มขู่ ปมจอดรถบนทางเท้า
1 min readผู้ช่วยเลขาฯ กทม. นําเทศกิจ 3 นาย ตามคดี กรณีถูกไรเดอร์หัวร้อน ชักอาวุธมีดข่มขู่ ปมจอดรถบนทางเท้า ด้าน ตร. เผยเตรียมออกหมายจับ หากไม่มาตามนัด
วันนี้(6 มี.ค. 67) นายสิทธิชัย อรัณยกานนท์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นําพนักงานเทศกิจปฏิบัติงาน สำนักงานเขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร จํานวน 3 คน เดินทางมายัง สน.หัวหมาก เพื่อติดตามคดี หลังถูกหนุ่มไรเดอร์ชักอาวุธมีดข่มขู่ โดยเหตุการณ์ขึ้นเมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา
นายอนิรุทธิ์ พนักงานเทศกิจ ผู้เสียหาย เล่าว่าวันเกิดเหตุตนได้ออกปฏิบัติหน้าที่กวดขันการจอดรถและการขับขี่รถจักยานยนต์บนทางเท้าตามปกติ จนมาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อปากซอยรามคําแหง 53 พบมีรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า พีซีเอ็ก สีเทา จอดอยู่บนทางเท้าหน้าร้านสะดวกซื้อ จึงแจ้งให้เจ้าของรถเคลื่อนย้ายออกถึง 2 ครั้ง เนื่องจากกีดขวางทางเดินของประชาชน ต่อมาชายดังกล่าวซึ่งเป็นเจ้าของรถจักยานยนต์ เกิดความไม่พอใจตะโกนต่อว่าเจ้าหน้าที่พร้อมกับชักอาวุธมีดที่เอวข่มขู่ ก่อนจะขับรถออกไป จากนั้นมีการถอดเสื้อและใช้ผ้าปิดบังป้ายทะเบียนพร้อมกับชักอาวุธยาวประมาณ 2 ฟุต ขับขี่ย้อนกลับมาอีกครั้ง พร้อมตะโกนด่อทอด้วยถ้อยคําหยาบคายและท้าทายให้จับกุม หลังจากนั้นตนกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์จึงเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมาย
ขณะที่ นายสิทธิชัย เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ผู้ว่าฯชัชชาติ กําชับให้สํางานเขตทั้ง 50 เขต ดูแลเรื่องการขับขี่รถจักยายนต์บนทางเท้าเป็นสําคัญเพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งล่าสุดเกิดเหตุรถจักยานยนต์วิ่งบนทางเท้าด้วยความเร็วชนเด็กอายุ 6 ขวบ จนได้รับบาดเจ็บ ในพื้นที่ลาดกระบัง ซึ่งตนมีโอกาสได้ไปเยี่ยมน้องที่ได้รับบาดเจ็บ พบว่าน้องมีอาการขวัญเสียเป็นอย่างมาก จึงอยากฝากให้ผู้ขับขี่มีจิตสํานึกและไม่ขับขี่บนทางเท้ารวมถึงปฏิบัติตามกฎจราจร เพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อกล้อง Ai มีการติดครบทั้ง 100 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร จะช่วยลดปัญหาดังกล่าวรวมถึงปัญหาการฝ่าฝืนกฎจราจรได้เป็นอย่างดี ยืนยันว่าติดครบทันภายในปีนี้อย่างแน่นอน
ด้าน พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ก้อนแพง รอง ผกก.(สอบสวน)หัวหน้างาน กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคําพยานครบทั้งหมดแล้ว พร้อมกับออกหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ซึ่งไม่มาตามหมายเรียก จึงออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ซึ่งจะครบกําหนดในวันที่ 16 มีนาคมนี้ หากไม่มาอีกก็จะดําเนินการขออนุญาตศาลออกหมายจับต่อไป เบื้องต้นพบว่าเป็นคนในพื้นที่ ส่วนจะมีประวัติการก่อเหตุลักษณะนี้มาก่อนหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบพร้อมกับรอให้ผู้ก่อเหตุเข้ามาพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อดําเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย