อาทิตย์. พ.ย. 24th, 2024

ข่าวชัด Khaochad.co.th

ข่าวสารฉับไว ชัดตรงประเด็น สื่อความมั่นคงของชาติ

รวบรองประธานกรรมการสหกรณ์ฯ ชื่อดัง ทุจริต “โครงการสามล้อเอื้ออาทร”

1 min read

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ
ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.รัฐพร คงสุโข รอง ผกก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.จำนาญ จันทร์เทศ รอง ผกก.4 บก.ปอศ.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.เชาวน์วุฒิ เลียบมา สว.กก.4 บก.ปอศ. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ กก.4
บก.ปอศ.

ร่วมกันจับกุม นายสุรชัยฯ อายุ 43 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 487/2567 ลง 2 กุมภาพันธ์ 2567 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามที่นายทะเบียนสหกรณ์สั่งการตาม มาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2562”

สถานที่จับกุม ริมถนนสุนทรวิจิตร ต.ในเมือง อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากมีกลุ่มผู้เสียหายประมาณ 200 ราย เข้าร้องทุกข์ต่อตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ให้ดำเนินคดีกับ สหกรณ์ฯ ชื่อดังแห่งหนึ่ง กับพวก ในกรณีที่สหกรณ์ฯ ดำเนินการเป็นผู้ประสานการขอสินเชื่อระหว่างสมาชิกและธนาคาร เพื่อทำโครงการสินเชื่อพัฒนาองค์กรชุมชน โดยให้สมาชิกสามารถขอสินเชื่อเพื่อนำไปซื้อรถสามล้อเครื่อง, ซื้อและซ่อมแซมรถยนต์โดยสารประจำทาง, ซ่อมแซมเรือหางยาว หรือนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยทางสหกรณ์ฯ จะทำหน้าที่เก็บรวบรวมเงินของสมาชิกเพื่อนำไปชำระสินเชื่อให้กับทางธนาคาร แต่ภายหลังกลับพบว่ามีการบริหารดำเนินการของทางสหกรณ์ฯ โดยนำเงินฝากของสมาชิกไปชำระสินเชื่อให้กับทางธนาคารแทน จนเป็นเหตุทำให้ธนาคารขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก ส่งผลให้มีสมาชิกจำนวนมากถูกธนาคารฟ้องร้องผิดนัดชำระหนี้และผิดสัญญาค้ำประกันสินเชื่อดังกล่าว อีกทั้งทางสหกรณ์ฯ ยังไม่สามารถจัดซื้อสามล้อเครื่องที่มีเครื่องยนต์ที่มีคุณภาพตรงตามสเปกที่กำหนดไว้ โดยในการดำเนินโครงการในส่วนจัดซื้อรถสามล้อเครื่อง มีสมาชิกสหกรณ์ยื่นขอสินเชื่อกว่า 195 ราย ซึ่งทางสหกรณ์ฯ ได้มีการติดต่อว่าจ้างอู่จำนวนหลายแห่งให้ประกอบรถสามล้อเครื่องแล้วนำมาจำหน่ายให้กับสมาชิก โดยเพิ่มค่าส่วนต่างถึง 75,000 – 180,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องบางรายเบียดบังเงินส่วนต่างดังกล่าวไปเป็นของตน ความเสียหายรวมประมาณ 8 ล้านบาท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจึงได้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้นเพื่อสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในคดีนี้ โดยจากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานได้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้แก่ ผู้จัดการสหกรณ์และกรรมการบริหารสหกรณ์ รวมจำนวน 18 ราย ในความผิดฐาน “เป็นผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น หรือทรัพย์สินซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใดๆ โดยทุจริต” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 353 และความผิดตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2562 รวมถึงความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ในเบื้องต้นมีผู้ต้องหาเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว แต่นายสุรชัยฯ ผู้ถูกจับกุมรายนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องเป็นกรรมการบริหารสหกรณ์ ในตำแหน่ง “รองประธานกรรมการ” เพิกเฉยต่อคำสั่งของนายทะเบียนที่มีการตรวจสอบและมีคำสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องเพื่อแก้ไขปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินของสหกรณ์ มีพฤติการณ์หลบหนีไม่มาพบพนักงานสอบสวน คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจึงได้ขออนุมัติศาลอาญาขอออกหมายจับบุคคลดังกล่าว
จนต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. ได้ทำการสืบสวนทราบว่า นายสุรชัยฯ ได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครพนม จึงได้นำกำลังจับกุมผู้ต้องหารายนี้ นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา​

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.เชาวน์วุฒิ เลียบมา สว.กก.4 บก.ปอศ. โทร.0871168753

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน พฤติการณ์ในรูปแบบดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำความผิดอาญาฐานเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น หรือทรัพย์สินซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริต ซึ่งอยู่ในหมวดความผิดฐานยักยอก หากผู้ใดใช้หน้าที่ของการเป็นผู้จัดการทรัพย์สินเป็นช่องทางการทุจริตหรือแสงหาประโยชน์จากการได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ดังกล่าว มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

Loading…

You may have missed

Copyright © All rights reserved. | Newsphere by AF themes.