DSI เผย ประเด็นสอบปากคำ “กรินทร์” ลูกชาย “เฮียเก้า” ชี้ เป็นตัวการสำคัญ ทำหน้าที่รับออเดอร์ – บริหารการเงิน – ขายตีนไก่ส่งจีน พบ เงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้าน
1 min readDSI เผย ประเด็นสอบปากคำ “กรินทร์” ลูกชายเฮียเก้า ชี้ เป็นตัวการสำคัญ ทำหน้าที่รับออเดอร์ – บริหารการเงิน – ขายตีนไก่ส่งจีน พบ เงินหมุนเวียนกับเครือข่ายสูงถึง 20 ล้าน แย้ม เตรียมประสานมหาดไทย ปม ใช้นามสกุล “ปิยพรไพบูลย์” ประเด็นความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเฉลิมชัย ด้าน “พ.ต.ต.ณฐพล หน.ชุดสอบสวนฯ” เผย แฟ้มคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ เตรียมส่งอีก 2 สำนวนให้ ป.ป.ช. หลังพบ จนท.รัฐ เอี่ยวพันทุจริต ส่วนอีก 5 สำนวน เตรียมส่งอัยการ พร้อมปิดแฟ้มภายในเดือน เม.ย.
เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 26 มี.ค. ที่ ห้องพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พร้อมด้วยนายเกรียงศักดิ์ สุวรรณศรี พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ นายคณพ ปิ่นทอง ผอ.ส่วนสอบสวนการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย 1 ร่วมกันเปิดเผยก่อนเข้าสอบปากคำนายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ หรือมิกซ์ บุตรชายบุญธรรมของเฮียเก้า ผู้ต้องหาในคดีตีนไก่สวมสิทธิ หรือคดีพิเศษที่ 127/2566
โดยนายเกรียงศักดิ์ สุวรรณศรี พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ กล่าวว่า นายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ อายุ 25 ปี เดิมมีชื่อว่านายปรีชา แซ่จ้าว โดยมีหน้าที่ดำเนินธุรกิจต่าง ๆ แทนบิดาของตัวเอง ก็คือนายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า ทั้งยังมีหน้าที่ติดต่อในการนำตู้คอนเทเนอร์ ซึ่งบรรจุตีนไก่เข้ามาภายในราชอาณาจักรไทย และเมื่อนำเข้ามาแล้วจะนำไปผลิตที่บริษัทในพื้นที่จังหวัดนครปฐม จากนั้นจะมีการส่งออเดอร์ไปที่ประเทศจีน และประเทศจีนก็จะจ่ายเงินกลับมา ซึ่งประเทศจีนมักสั่งซื้อไม่อั้นและจะมีการจ่ายเงินล่วงหน้า ลักษณะวนเป็นวัฏจักร นอกจากนี้ ในช่วงปี 64 พบจำนวนตู้คอนเทเนอร์ที่บรรจุตีนไก่ 200 กว่าตู้
นายเกรียงศักดิ์ เผยอีกว่า ส่วนบทบาทของนายกรินทร์ กับบริษัทห้องเย็น (บริษัท ทองหอม ฟู๊ด โปรดักส์ จำกัด และบริษัท ทรัพย์ทองหอม ฟู๊ดโปรดักส์ จำกัด) ที่จังหวัดนครปฐมนั้น นายกรินทร์ถือเป็นผู้ซื้อผู้ขาย และเป็นผู้รับเงินโอนเงิน เรียกง่าย ๆ คือ เป็นตัวการสำคัญ และยังมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปยังบิดาของตัวเอง หรือเฮียเก้า นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปยังหลายกลุ่มเครือข่ายที่ทำเกี่ยวกับตีนไก่สวมสิทธิ ซึ่งพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวบรวมได้นั้นค่อนข้างชัดเจน ส่วนจำนวนเงินที่พบว่านายกรินทร์มีการทำธุรกรรมทางการเงินกับกลุ่มเครือข่าย พบว่ามีมูลค่าเงินสูงถึง 20 ล้านบาท เกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2564-2565 ซึ่งประเด็นที่เราจะใช้สอบปากคำนายกรินทร์ในวันนี้ก็จะมีความสอดคล้องกับที่เคยใช้สอบปากคำเฮียเก้า และเฮียเกียรติ (นายสมเกียรติ กอไพศาล อดีตเลขาส่วนตัวของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน) อาทิ เรื่องการซื้อขาย และการนำเข้าสินค้า/ตู้คอนเทเนอร์จากต่างประเทศ ด้วยการสำแดงเป็นสินค้าประเภทอื่น แต่ความเป็นจริงคือ ตีนไก่ ประเด็นการทำธุรกรรมทางการเงิน เป็นต้น อีกทั้งเราจะสอบถามในเรื่องของความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างนายกรินทร์และข้าราชการฝ่ายการเมืองด้วย เพราะเขามีการเปลี่ยนชื่อและนามสกุล เราก็ต้องถามว่ามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์อะไรหรือไม่ เพราะมีการไปใช้นามสกุลของพี่ชายนักการเมืองดัง อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวเราจะต้องประสานไปยังกระทรวงมหาดไทย
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นายกรินทร์ มีบทบาทเป็นกรรมการใน 9 บริษัท แต่บริษัทที่เขาใช้ทำธุรกิจจริง ๆ มี 3 บริษัท ยกตัวอย่าง บริษัท โกลเด้น ชาวเวอร์ เทรดดิ้ง จำกัด (Golden Shower Trading Co.,ltd.) และบริษัท ทรัพย์ทองหอม ฟู๊ดโปรดักส์ จำกัด ซึ่งจะรับโอนเงินชำระค่าตีนไก่จากต่างประเทศ ทั้งนี้ ในบรรดาบริษัททั้ง 9 แห่งที่นายกรินทร์เข้าไปเกี่ยวข้อง มีทั้งบริษัทที่ดำเนินการในธุรกิจอื่น ๆ แต่นายกรินทร์ได้นำมาใช้ในการนำเข้าสินค้าตีนไก่และส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศจีน ทั้งนี้ หากนายกรินทร์ให้การเป็นประโยชน์ เมื่อสอบสวนเสร็จ เราจะส่งเรื่องให้ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาให้ประกันตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวนต่อไป
ด้าน พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าในคดีพิเศษที่ 127/2566 หรือคดีตีนไก่สวมสิทธิ เราได้ตรวจสอบสถานภาพของเจ้าหน้าที่รัฐตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบันว่าในช่วงเวลาดังกล่าว บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี มีใครประจำการบ้าง เพราะเราได้ข้อมูลจากเอกสารพบว่ามีการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ กรมประมง เราจะตรวจสอบว่าชื่อที่ปรากฏในส่วยเป็นชื่อนามสกุลจริงหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งข้อมูลไปสอบถามยัง 3 หน่วยงาน คือ กรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร และกรมประมง เพื่อดูว่ามีชื่อใครบ้าง หากมีการตอบกลับมา เราก็จะเรียกบุคคลนั้นๆมาให้ถ้อยคำต่อไป ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ที่ปรากฏชื่อในบัญชีส่วย บางรายประสานจะเข้าให้ข้อมูลกับดีเอสไอก่อนนั้น พอเราได้ดูรายชื่อพบว่าบางรายได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว หลังจากนี้จึงต้องประสานกลับอีกครั้งว่าพร้อมจะเข้าให้ข้อมูลห้วงเวลาใด
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวต่อว่า นอกจากการรอเจ้าหน้าที่รัฐเข้าให้ข้อมูลเรื่องการรับเงินส่วยจากกลุ่มของนายประกร มหากิจโภคิณ กรณีบริษัท พี ซี ฟูดส์ เซ็นเตอร์ จำกัด นั้น เราก็จะสอบปากคำผู้ต้องหาขนานไปด้วยว่าเอกสารส่วยคืออะไร เพราะที่ผ่านมาพวกเขายังไม่เคยให้ถ้อยคำในส่วนนี้ โดยบอกว่าจะกลับไปรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเข้าให้การในครั้งถัดไป ส่วนในกรณีจะต้องแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในประเด็นที่มีการให้สินทรัพย์แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนเพื่อดูข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนก่อน
สำหรับความคืบหน้าในคดีพิเศษที่ 59/2566 หรือคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า จากการที่เราได้แยกสำนวนออกเป็น 10 เลขคดีพิเศษ และได้ส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ไปแล้ว 3 สำนวน ส่วนอีก 7 สำนวน เราได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงพบว่ามี 2 บริษัทที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ 3 หน่วยงานเข้าไปเกี่ยวข้อง (กรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร และกรมประมง) ตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบสถานภาพ หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจริง 2 สำนวนนี้ เราจะส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ ขณะที่ 5 สำนวนที่เหลือเราจะส่งไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษ คาดว่าจะเเล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย.นี้
ส่วนคดีพิเศษที่ 126/2566 หรือคดีหมูเถื่อน 2,388 ตู้ พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า ในคดีนี้ เนื่องจากเป็นตู้หมูที่นำเข้ามายังท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี และได้นำออกไปจำหน่ายหมดแล้ว ปัญหาคือไม่มีของกลางให้เราตรวจสอบ เราจึงต้องไปดูว่าตู้ที่ถูกนำเข้ามานี้ได้ถูกสำแดงเป็นอะไร เบื้องต้นพบว่าถูกสำแดงเป็นพอลิเมอร์และเนื้อปลาแช่แข็ง ดังนั้น สิ่งที่จะยืนยันได้คือการทำกระบวนการความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (MLAT) จากประเทศต้นทาง เพื่อดูใบส่งของ (Invoice) ใบตราส่งสินค้า หรือ Bill of Lading (B/L) ว่าสินค้าแท้จริงคืออะไร ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นพยานหลักฐานสำคัญในการดำเนินการกับกลุ่มผู้นำเข้าได้ ซึ่งกลุ่มผู้นำเข้าก็เป็นบริษัทที่ดีเอสไอเคยดำเนินคดีมาก่อน จำนวน 9 บริษัท โดยมีพฤติกรรมสั่งเข้ามาในปี 2565-2566 และยังมีอีกประมาณ 2 บริษัทที่อาจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีก แต่แม้ 9 บริษัทจะเคยถูกดำเนินคดีมาก่อนแล้ว แต่กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทได้
“สำหรับบริษัทที่อยู่ต่างประเทศโดยมีความเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์เถื่อน ได้มีการสั่งซื้อสินค้าด้วยนั้น คณะพนักงานสอบสวนพบว่ามีบริษัทที่อยู่ต่างประเทศ จำนวน 15 บริษัท เป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าการเกษตร มีทั้งเนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อปลา ฯลฯ มีทั้งประเทศในทวีปอเมริกาใต้ 2 ประเทศ และในทวีปยุโรป 5 ประเทศ อาทิ ประเทศเยอรมนี ประเทศเดนมาร์ก ประเทศอิตาลี ประเทศบราซิล ประเทศอาร์เจนติน่า เป็นต้น จึงต้องมาดูว่าข้อมูลที่ได้มีการประสานไปจะสอดคล้องกับที่กลุ่มผู้ต้องหาระบุหรือไม่ว่าได้สั่งซื้อสินค้าเนื้อปลาแช่แข็ง หากไม่มีความสอดคล้องกันก็ต้องดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป” พ.ต.ต.ณฐพล ระบุ.
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 11.20 น.ที่ผ่านมา นายวุฒิไกร ศรีธวัช ณ อยุธยา ผอ.ส่วนสะกดรอยและการข่าวฯ ได้ควบคุมตัวนายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ จากอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ มายังห้องพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 เพื่อให้ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม และคณะพนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำตามขั้นตอน โดยระหว่างเดินเข้าห้องสอบสวน เจ้าตัวยังคงปิดปากเงียบไม่ตอบประเด็นคำถามของผู้สื่อข่าว อาทิ การชี้เเจงปฏิเสธหมายจับ , กรณีกาาเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่จ้าว” มาใช้นามสกุลของพี่ชายนักการเมือง เป็นต้น.