เหยื่อค้ามนุษย์ 5 ราย ถูกหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่โอลเสม็ด กัมพูชา ร้อง “ปวีณา” ช่วยคนไทยอีก 70 กว่าราย ถูกขัง
1 min readเหยื่อค้ามนุษย์ 5 ราย ถูกหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่โอลเสม็ด กัมพูชา ร้อง “ปวีณา” ช่วยคนไทยอีก 70 กว่าราย ถูกกักขังบังคับให้ทำงานผิดกฎหมาย ซ้อมทำร้ายจนซี่โครงร้าว 2 ซี่ ไฟฟ้าช๊อต อดข้าวอดน้ำ ที่น่าสลด เยาวชนชายหญิง อายุ 15-17 ปีถูกพ่อแม่ขายให้เอเจนซี่ ส่งไปทำงาน ขอให้ช่วยร้องมูลนิธิปวีณาฯ ขอความช่วยเหลือให้ได้กลับบ้าน “ปวีณา” ประสาน พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. พาเหยื่อเข้าแจ้งความเอาผิดขบวนการค้ามนุษย์
วันที่ 27 มี.ค.67 เวลา 13.30 น. คนไทย 5 ราย ที่ถูกหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่โอลเสม็ด ประเทศกัมพูชา ถูกซ้อมทำร้ายทรมาน ใช้ไฟฟ้าช็อต ให้อดข้าวอดน้ำ ยืนแบกเก้าอี้ทั้งกลางวันกลางคืน เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือคนไทยอีกกว่า 70 ราย ที่ถูกกักขังบังคับให้ทำงานผิดกฎหมายได้กลับบ้าน ซึ่งในจำนวนนี้มีเยาวชนชายหญิง อายุ 15-17 ปีหลายราย ถูกพ่อแม่ขายให้เอเจนซี่ในราคา 7-8 หมื่นบาท ส่งไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ขอความช่วยเหลือให้ได้กลับบ้านด้วย
ชายหญิง 5 ราย เป็นชาย 3 ราย หญิง 2 ราย ประกอบด้วย 1.นายเอก อายุ 40 ปี อดีตช่างไฟฟ้า ชาว จ.บุรีรัมย์ 2.นายบี อายุ 36 ปี ชาว จ.ลำปาง (ตกงาน) 3.น.ส.ซี อายุ 29 ปี ชาว จ.สระบุรี อดีตพนักงานร้านอิงค์เจ็ท 4.นายเอฟ อายุ 31 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี (ตกงาน) น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี ชาวจ.เชียงราย ในจำนวนนี้ชาย 3 ราย บอกว่า ที่ผ่านมาอยากหางานทำที่มีรายได้ดี จึงเข้าไปหางานในเฟซบุ๊กก่อนจะถูกหลอกว่ามีงานแอดมินเว็บพนัน งานทำความสะอาด และงานยิงแอดโฆษณา รายได้ดี มีที่พักอาศัย เมื่อหลงเชื่อเดินทางไปก็ถูกยึดเอกสารสำคัญส่วนตัว และโทรศัพท์มือถือ และถูกบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์สายที่ 1 ส่วน น.ส.เอ และน.ส.ซี ถูกคนรู้จักหลอกเดินทางไป โดยการเดินทางแต่ละคนจะออกทางช่องทางธรรมชาติ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และทางช่องจอม จ.สุรินทร์ ทุกคนถูกกักขังบังคับให้ทำงานเป็นเวลา 15 วัน – 2 เดือน ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือ
นายบี อายุ 36 ปี ชาว จ.ลำปาง กล่าวว่า ช่วงเดือนก.พ.67 ตนตกงานอยู่จึงไปหางานในเฟซบุ๊ก มีคนติดต่อมาว่ามีงานทำความสะอาดบ่อนคาสิโนที่กัมพูชา รายได้ดี มีอาหารและที่พักให้จึงตัดสินใจเดินทางไป แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์ เป็นโทรศัพท์สาย 1 ที่โทรหลอกเหยื่อ ตนไม่อยากทำพยายามหลบหนีลงมาจากตึกแต่ถูกจับได้จึงถูกซ้อมทำร้าย ใช้ไม้ฟาดตามลำตัวจนซี่โครงร้าว 2 ซี่ ตนไม่รู้จะทำอย่างไรจึงต้องยอมทำงานตามที่กลุ่มคนจีนสั่ง เมื่อทำยอดไม่ได้ก็ถูกทำโทษให้อดข้าวอดน้ำ ยืนแบกเก้าอี้ และก่อนที่จะกลับมาได้มีน้องผู้หญิงอายุ 15 ปี ซึ่งถูกพ่อแม่ขายให้กับเอเจนซี่ในราคา 7-8 หมื่นบาทส่งมาทำงานคอลเซ็นเตอร์ขอร้องให้ช่วยแจ้งมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อช่วยเหลือด้วย
ด้านนายเอฟ อายุ 31 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ตนตกงานอยู่จึงเข้าไปหางานในเฟซบุ๊กและได้รับการติดต่อให้ไปทำงานเป็นแอดมินเว็บพนัน โดยคนที่ติดต่อมาอ้างว่าเป็นเว็บพนันถูกกฎหมายอยู่ที่กัมพูชา รายได้ดี มีอาหารที่พักให้ เมื่อเดินทางไปกลับถูกกักขังบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์ สาย 1 ตนไม่อยากทำงานก็ถูกซ้อมทำร้าย ให้อดข้าวอดน้ำ ยืนแบกเก้าอี้ทั้งกลางวันกลางคืนอยู่หลายครั้ง
“พวกเรา 5 คน ได้เจอรู้จักกันที่นั่น ทุกคนไม่มีใครอยากทำงานผิดกฎหมาย ก็ได้แต่ปรับทุกข์กั คอยช่วยเหลือกัน จังหวะวันที่ 16 มี.ค.67 มีตำรวจ ทหาร เข้ามาตรวจค้นในอาคาร นายทุนจีนจึงขนคนย้ายออกจากโรงแรม โดยตนอยู่โรมแรม 3 ย้ายมาโรงแรมที่ 2 และย้ายมาโรงแรมที่ 1 โดยใช้รถตู้ พอดีเพื่อนคนหนึ่งจำทางได้ว่าไม่ไกลจากชายแดนจึงชักชวน กันหนีลงจากรถแล้วพากันวิ่งหนีและหาทางมาบริเวณชายแดนและข้ามกลับมาไทย แต่ยังมีคนไทยอีกจำนวนมากที่ยังถูกกักขังบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์ ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือด้วย”
น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี ชาวจ.เชียงราย กล่าวว่า ตนหลงเชื่อคนรู้จักชักชวนไปทำงาน เดินทางโดยรถทัวร์จากจ.เชียงราย ไปลงที่โรงเกลือ จ.สระแก้ว แล้วมีรถมารับพาเดินข้ามไปทางช่องทางธรรมชาติ เมื่อถึงที่หมายเป็นอาคาร 6 ชั้น นายทุนจีนและคนไทยที่คุมอยู่บังคับให้ทำงานท่องบท และทำหน้าที่โทรศัพท์สาย 1 ถ้าทำผิดก็ถูกลงโทษให้แบกเก้าอี้ยืนตากแดดตากลมทั้งกลางวันกลางคืนให้อดอาหาร และถ้าไม่ยอมทำงานก็ทุบตีทำร้าย ใช้กระบองไฟฟ้าช็อต เก้าอี้ฟาดจนน่วมไปทั้งตัว จังหวะวันที่ 16 มี.ค.67 มีตำรวจทหารเข้ามาตรวจค้น นายทุนจีนจึงให้ย้ายโรงแรม ขณะถูกขนย้ายด้วยรถตู้พวกตน 5 คน ได้หลบหนีมาที่บริเวณหน้าด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ ก่อนได้รับการช่วยเหลือกลับไทย
นางปวีณา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เตือนกันมาตลอดว่างานสบายรายได้ดีไม่มีจริง กรณีชวนไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้านก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นที่ปอตเปต ประเทศกัมพูชา หรือที่ เล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมา มีคนไทยถูกหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์เป็นจำนวนมาก เมื่อไม่ยอมทำหรือทำไม่ได้ตามเป้าก็จะถูกทำร้ายทุบตี สำหรับเคสนี้ ได้ประสาน พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. และมอบหมายให้ นายเอกภาพ หงสกุล ผู้อำนวยการมูลนิธิปวีณาฯ พาผู้เสียหายทั้งหมดไปแจ้งความที่ ปคม. และตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ขยายผลจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ต่อไป