นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยื่นไม่คัดค้านการประกันตัว “ตะวัน-แฟรงค์”
1 min readวันนี้ (29 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายอันเจลโลว์ ศตายุ สาธร นักศึกษา พร้อมกับคณะกรรมการนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จาก ศูนย์ท่าพระจันทร์ ศูนย์รังสิต และศูนย์ลำปาง ร่วมกันยื่นคำแถลงไม่คัดค้านการประกันตัว “ตะวัน-แฟรงค์”
นายเจลโลว์กล่าวว่า วันนี้มายื่นแถลงการณ์ไม่คัดค้านการให้ประกันตัวตะวันและแฟรงค์ โดยแถลงการณ์มีสาระสำคัญหรือสามประเด็นคือ 1. ยืนยันว่าตะวันกับแฟรงค์ควรได้รับสิทธิการประกันตัว 2. ยืนยันว่าในคดีนี้ไม่มีความจำเป็นในการจับกุมหรือคุมขังผู้ต้องหาทั้งสอง 3. ยืนยันว่าการให้ประกันตัวตะวันและแฟรงค์เป็นการสมควรและเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักกฏหมายทุกประการ ซึ่งมีเนื้อหาในเอกสารที่จะยื่นต่อศาลได้ระบุข้อความว่า
“ในคดีของตะวันและแฟรงค์ยังไม่ได้รับคำพิพากษาจากศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสูงสุดในแผ่นดินจึงสามารถเรียกได้ว่ายังไม่ตัดสินคดีถึงที่สุด ภายใต้หลักกฏหมายเมื่อบุคคลใดกระทำความผิด หากยังไม่มีคำพิพากษาอันถึงที่สุด จะปฏิบัติตนต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวจึงมีสิทธิในการประกันตัว ก่อนมีคำพิพากษาจากศาลสูงสุดเป็นสิทธิพื้นฐานตามหลักรัฐธรรมนูญมาตรา 29 ดังนั้นเมื่อเจ้าพนักงานหรือศาลได้รับคำร้องให้ปล่อยตัวชั่วคราว ศาลหรือเจ้าพนักงานจะต้องออกคำสั่งอย่างด่วนที่สุดและจำเลยจะต้องได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเป็นไปตามมาตรา 107 ประมวลกฏหมายวิธีการพิจารณาความอาญา เมื่อผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหาจึงต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเขาทั้งสองเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นการจับกุมหรือคุมขังทั้งสองให้กระทำเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้หลบหนี จึงขอเรียนว่าในคดีนี้ไม่มีความจำเป็นในการจับกุมหรือคุมขังผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองเนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองไม่เคยมีพฤติการณ์หลบหนี ไม่ได้ขัดขวางการจับกุมที่บริเวณหน้าศาลอาญาโดยเจ้าพนักงาน และเป็นเพียงประชาชนธรรมดา สามัญชนทั่วไป ไม่มีอำนาจหรืออภิสิทธิ์ใดๆที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงปลอมแปลง หรือการยุ่งเกี่ยวอันใดกับพยานหลักฐานได้ เพราะฉะนั้นภายใต้กฎหมายและเหตุผลที่กล่าวไป อยากเรียนต่อศาลให้เห็นถึงความจำเป็นในการปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกันต่อหน้าบทกฏหมายและยึดหลักการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด”
ทั้งนี้ มีการคุยกันภายในแล้วว่าหากมีการขังต่อหรือไม่ให้ประกันตัวจะมีการยกระดับในการที่ไปคุยกับนักศึกษาจากคณะอื่นๆและคณะอาจารย์ ซึ่งตนเชื่อว่าถ้ามีความยุติธรรมลงเหลืออยู่ การที่ไม่ให้ประกันตัวควรจะยุตติลงได้แล้ว และหากอัยการมีความยุติธรรมอยู่ควรจะเห็นได้ว่าการกระทำของพวกเขาไม่ได้เข้าข่ายความผิดอะไรเลย ควรที่จะเห็นสมควรไม่ส่งฟ้อง