“ทนายอนันต์ชัย” ร่วมกับชาวบ้าน เข้าไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างพระสงฆ์ “วัดจันทร์ใน” หลังพบกลุ่มพระสงฆ์กว่า 10 รูปมีพฤติการณ์ ไม่เหมาะสม
1 min read
กรุงเทพมหานคร-ชาวบ้านที่อาศัยใกล้เคียงกับวัดจันทร์ใน พื้นที่แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลมกรุงเทพมหานคร ตะโกนเรียกให้รองเจ้าอาวาส และพระลูกวัด บางส่วน ให้ออกมาร่วมประชุม
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมคณะทำงาน เดินทางมาที่วัดจันทร์ใน แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร เพื่อประชุมร่วมกับผู้แทนคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร เจ้าอาวาสและคณะสงฆ์วัดจันทร์ใน และประชาชนในพื้นที่รอบวัด เพื่อหาข้อยุติกรณีพระสงฆ์ในวัดจันทร์จำนวนกว่า 10 รูป มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม กระด้างกระเดื่อง ไม่อยู่ในโอวาท ไม่เชื่อฟังเจ้าอาวาส ไม่เข้าร่วมสังฆกรรมและกิจกรรมใด ๆ กับคณะสงฆ์ที่มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน ทั้งยังร่วมกันกล่าวหาเจ้าอาวาสต่อเจ้าคณะฝ่ายปกครองเพื่อให้ปลดเจ้าอาวาสออกจากตำแหน่ง โดยพยายามหาเหตุมาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความแตกแยกขึ้นภายในวัด โดยได้ร่วมมือกับเจ้าคณะฝ่ายปกครองในพื้นที่บางรูป ทำให้พุทธศาสนิกชนรอบวัดต่างไม่พอใจพฤติรรมของพระสงฆ์กลุ่มดังกล่าว
นายอนันตชัย กล่าวว่า เดิมทีข้อพิพาทในวัดจันทร์ใน เกิดมายาวนาน 4-5 ปี ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านได้เคยถามกลุ่มพระสงฆ์ที่เกิดข้อพิพาทในวัดว่า เหตุใดจึงไม่ปฏิบัติตามกิจของสงฆ์ ร่วมกับเจ้าอาวาสวัด แต่กลุ่มพระสงฆ์ 10 รูป ให้ข้อมูลว่า เหตุที่ไม่ร่วมเนื่องจากมีข้อขัดแย้ง ซึ่งสาเหตุที่ตัวเองเข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจากได้รับการประสานจากเจ้าคณะสงฆ์ โดยหน้าที่ คือการให้คำแนะนำทางด้านกฎหมายในแต่ละขั้นตอน ยืนยันจะทำให้ความขัดแย้งคลี่คลายภายใน 6 เดือน
พระครูโสภณกิจจานุกิจ เจ้าอาวาสวัดจันทร์ใน กล่าวว่า เมื่อตัวเองได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาส พบการใช้พื้นที่ภายในวัดในการทำตลาด ทำให้พระสงฆ์ประกอบศาสนพิธีด้วยความยากลำบาก กระทบไปยังเด็กโรงเรียนวัดจันทร์ใน เพราะพื้นที่เกือบทั้งหมดถูกใช้สำหรับการค้าขาย อีกทั้งยังพบข้อพิรุธเรื่องสัญญาการให้เช่าพื้นที่ของวัดเพื่อเปิดตลาด ซึ่งก่อนที่จะมีปัญหา พบว่ามีญาติโยมได้เข้ามาเสนอจะมอบเงินให้ตัวเองเดือนละ 17,000 บาท แต่ตัวเองปฏิเสธ
นายประยุทธ ประเทศเสนา 1 ในทีมทนายความ กล่าวว่า ในกรณีที่พระมีข้อพิพาท ไม่มาร่วมปฏิบัติกิจของสงฆ์ ต้องให้เจ้าอาวาสใช้กฎหมายอาศัยอำนาจพ.ร.บ.สงฆ์ ในการนิมนต์ให้กลุ่มพระสงฆ์ที่มีปัญหาเข้าร่วม โดยจะมีการทำหนังสือ // แจ้งเตือน เป็นรายครั้ง รวม 3 ครั้ง ให้กลุ่มพระสงฆ์เหล่านี้เข้ามาช่วย หากไม่ทำภายใน 3 ครั้ง จะบังคับใช้กฎของพ.ร.บ. คณะสงฆ์ปี 2505 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่สอง พ.ศ.2535 มาตรา 38 (2) สั่งให้บรรพชิตและคฤหาสน์ซึ่งไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาสออกไปเสียจากวัด โดยหากยังไม่ยอมออกจากวัด เจ้าอาวาสจะ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนหรือจะดำเนินคดีด้วยตนเอง ระบุว่ามีคำจะมีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานมหาเถระสมาคม ซึ่งเจ้าอาวาสมีอำนาจในการให้บรรพชิตที่ไม่ปฏิบัติตามกฎของวัดออกจากวัดภายใน 3-7 วัน หากสุดท้ายไม่ยอมออก จะต้องอาศัยเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาดำเนินการช่วยเหลือและหากยังไม่ออกจากวัดจะต้องถูกดำเนินคดี