ชาวบ้านเกือบ 100 คน เดือดร้อนถูกเจ้าของที่ดินนำวัสดุก่อสร้างปิดถนนที่สัญจรไปมากว่า 38 ปี
1 min read
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 21 เม.ย. 67 ชาวบ้านเกือบ 100 คน รวมตัวร้องเรียนผู้สื่อข่าวหลังเจ้าของที่ดินนำเสาปูนกว่า 100 ต้น และท่อปูนขนาดใหญ่ จำนวน 19 อัน วางปิดถนนเมน ทางเข้า-ออก ภายในหมู่บ้านปากเกร็ดวิลเล็จ ซอย 2 (ซึ่งเป็นทางแยกไปซอย 5/1-5/16) ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ที่ชาวบ้านใช้สัญจรไปมากว่า 38 ปี สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน กว่า 700 หลังคาเรือน ต้องขับอ้อมและเดินเท้าไปไกลหลายกิโลเมตร อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ ประสานกับทางเจ้าของที่ดินให้ช่วยเปิดทางใช้สัญจรได้ตามปกติโดยอดีตกรรมการหมู่บ้านได้นำแผนผังโครงการจัดสรรที่ดินหมู่บ้านปากเกร็ดวิลเล็จ ที่เป็นข้อพิพาทมากางให้ผู้สื่อข่าวได้ดู ซึ่งก่อนหน้านี้พื้นที่ดินตรงนี้เป็นพื้นที่สาธารณะของโครงการหมู่บ้านดังกล่าว
นายสุรศักดิ์ ใสสะอาด หรือลุงเฟส อายุ 67 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้าน (เสื้อยืดสีขาว) กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2533 ก่อนหน้านี้เป็นถนนลูกรัง ตอนหลังจึงมาสร้างเป็นถนนปัจจุบัน ชาวบ้านตั้งแต่ซอย 5/1-5/16 จะเข้า-ออกทางนี้ เพราะเป็นถนนเมน ด้านในมีบ้านประมาณ 700 หลัง ในหมู่บ้านทั้งหมดมี 1,000 กว่าหลัง บ้านตนอยู่ด้านในตรงทางเชื่อมระหว่างซอย จากที่เดินผ่านตรงนี้ไปถึงบ้านได้ก็ต้องเดินอ้อมไปอีกทาง ประมาณ 1 กิโลเมตร ตนได้รับความเดือดร้อนกลัวว่าจะเกิดอัคคีภัยในหมู่บ้าน หรือการสัญจรก็จะลำบาก เนื่องจากพอเจ้าของที่ปิดทางรถที่จะเข้า-ออก ต้องรอขับสวนทางกันทีละคัน เมื่อวานตนขอความอนุเคราะห์จากเจ้าของที่ให้ยกวัสดุก่อสร้างออก หรือนำไปชิดฝั่งใดฝั่งหนึ่งเพื่อเปิดถนนแต่เขาก็ไม่ยอม ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยไกล่เกลี่ยก็ไม่ยอม ซึ่งทางเจ้าของที่ยื่นข้อเสนอมา 4 ข้อเพื่อให้ใช้ทางสัญจรได้คือ ข้อ 1.วัสดุก่อสร้างจะวางอยู่อย่างนี้จนกว่าจะมีการก่อสร้าง ข้อ 2.เมื่อมีการก่อสร้างวัสดุจะเอาไปใช้ในงานก่อสร้าง แล้วจะเปิดให้ใช้ถนนชั่วคราวเป็นบางเลน ข้อ 3.จะให้ขึ้นป้ายไวนิลว่านาง XXX ได้มอบที่ดินส่วนบุคคลให้ใช้ โดยมีสัญญา และ ข้อ 4.ให้ทำสัญญาเช่าปีต่อปี ในจำนวนเงินเดือนละ 1,000 บาททต่อเดือน ถ้าเรายอมรับข้อตกลง พรุ่งนี้บ่ายโมง ตำรวจจะนำรถยกมายกวัสดุกีดขวางออก ให้ใช้งานได้ 1 เดือน ซึ่งได้ข้อสรุปว่ามติสมาชิกส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับ 4 ข้อนี้ เบื้องต้นอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือเพื่อเจรจาหาข้อสรุป และให้เจ้าของที่ยกวัสดุก่อสร้างออกจากพื้นถนนก่อน
นายชนะวิชญ์ กลัดกลิ่น อายุ 63 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ (เสื้อยืดสีกรมท่า) กล่าวว่า ตนได้ติดต่อไปทางเทศบาลเพื่อแจ้งความเดือดร้อน แต่ทางเทศบาลแจ้งว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นของเอกชนไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ตนคิดว่าชาวบ้านในหมู่บ้านก็เป็นคนในพื้นที่ของเทศบาล อยากให้เข้ามาช่วยเหลือเจรจาไกล่เกลี่ยให้ เพราะหากพรุ่งนี้พูดคุยไม่สำเร็จจะต้องทำยังไง พวกเราจะต้องรอไปอีกนานแค่ไหน เมื่อวานวุ่นวายมาก รถที่เคยตรงไปได้ก็ไม่ได้ต้องอ้อมไปอีกซอย พวกเราไม่เคยไปห้ามเจ้าของที่จะทำอะไร ไม่เคยข่มขู่อะไร อยากทำอะไรทำไปแต่ขอแค่พื้นที่ถนนคืนให้พวกเราสามารถสัญจรได้
น.ส.ปพิชญา หทัยเปี่ยมสุข อายุ 67 ปี อดีตกรรมการหมู่บ้าน (เสื้อโปโลสีขาวคอปกสีเขียว) กล่าวว่า ตนเป็นอดีตกรรมการหมู่บ้านชุดแรกๆ ก่อนหน้านี้หมู่บ้านของเราไม่ได้มีการโอนทางสาธารณะให้เป็นสาธารณะประโยชน์ จึงต้องยึดเอกสารไปคุยกับกรมที่ดิน เพื่อให้ลงมาตรวจสอบและบังคับใช้งาน ว่าชาวบ้านมีเดือดร้อนอย่างไร ทางพฤตินัยพื้นที่ดังกล่าวใช้เป็นทางสาธารณะมาตลอด ไม่มีใครไม่รู้ และไม่ทราบว่าเป็นทางปิด เข้าใจว่าเจ้าของหมู่บ้านเดิมขายแล้วมีปัญหา เจ้าของที่ก็ได้นำที่ดินตรงนี้ไปจำนอง แรกๆมีเรื่องโรงเรียนอนุบาล เคยมีร้องเรียนไปและไม่ได้สร้างโรงเรียนอนุบาลต่อ ตามแปลงใหญ่ของหมู่บ้านพื้นที่ที่เป็นที่สาธารณะได้มีการขายไปแล้ว เอกสารมีความขัดแย้งตั้งแต่แรก ตอนนี้เราเดือดร้อน เพราะพวกเราใช้ถนนเส้นนี้มาตั้งแต่ปี 2529 และใช้โดยที่ไม่รู้ว่าถนนตรงนี้เป็นพื้นที่อะไร บริษัทที่เป็นเจ้าของก็ติดต่อไม่ได้แล้ว เราจึงรวมตัวกันตั้งกรรมการมาดูแลกันเอง เราก็จะรู้แค่ว่าที่ตรงนี้เป็นสนามเด็กเล่น ส่วนที่ตรงที่มีปัญหาจะต้องเป็นโรงเรียนอนุบาลแต่ไม่ได้ก่อสร้างตามแบบ และต้องมีเป็นที่กลับรถ รวมถึงเคยเป็นตลาด ซึ่งเราได้เคยท้วงติงกันไปแต่ตนไม่ได้เป็นกรรมการหมู่บ้านต่อจึงไม่ได้ทำเรื่อง พอปี 2540 มันมีการโอนที่ดิน เข้าใจว่ามันมีทริคต่างๆ แต่มันไม่แฟร์กับชาวบ้านในหมู่บ้าน เพราะทุกคนต้องการพื้นที่สีเขียวในส่วนของสาธารณะ แต่ในเมื่อมันไม่ได้เราก็ขอแค่ถนนในการเข้า-ออก ระหว่างซอย ซึ่งถ้ามาปิดทางมันก็ไม่ยุติธรรม เราไม่ได้เรียกร้องอะไรเราแค่ขอทาง ในหมู่บ้านมีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมาก เกือบพันหลังคาเรือน หากเกิดอัคคีภัยหรือเหตุร้ายแรงอะไรก็จะลำบาก ชาวบ้านในหมู่บ้านพวกเราอยู่กันไม่มีปัญหา ดูแลกันเอง ช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาตลอด อยู่ๆมีของมาวางขวางถนน มาปิดทางสัญจร ควรจะต้องเก็บไว้เป็นที่สาธารณะให้พวกเรา