อากาศร้อนอุณหภูมิพุ่งกว่า 42 องศา ปลาลอยตายเกลื่อนส่งกลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้งทั่วบึงละหานหลายแสนตัว
1 min read
ที่บึงละหาน ต.ละหาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิหลังมีลมพายุฝนกระหน่ำมาอย่างรุนแรงทำให้เกิดคลื่นแรงกว่า1เมตรในบึงละหานและเกิดเหตุปลาลอยตายเกลื่อนเป็นแพเหนือผิวน้ำส่งกลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้งทั่วบึงละหานหลายแสนตัวสร้างความตื่นตระหนกตกใจให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมากเกิดมาพึ่งเคยเจอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 5 พฤษภาคม 2567 หลังเกิดพายุลูกเห็บฝนตกกระหน่ำในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ในเหลายพื้นที่และจากสภาวะอากาศร้อนกว่า 42-43 องศา ทำให้ปลาในบึงธรรมชาติในบึงละหาน ต.ละหาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ลอยตายเป็นเกลื่อนเป็นแพอย่างไม่ทราบสาเหตุ คาดว่าน่าจะมาจากอุณหภูมิที่ร้อนระอุกว่า 42-43 องศาและเกิดพายุฝนตกกระหน่ำ ในบึงละหาน จนทำให้ปลาที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติ เกิดภาวะปรับตัวไม่ทันเดียวร้อนเดียวเย็น ทำให้ขาดออกซิเจนในน้ำทำให้ปลาน็อคน้ำขาดอากาศหายใจตายไปเป็นจำนวนมาก โดยชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ อบต.ละหาน ต่างได้นำเรือลงไปเพื่อช่วยกันเก็บซากปลาที่ลอยตาย ส่วนใหญ่เป็นปลาช่อน ปละกระโฮก ปลาสลิต ปละตะเพียนและปลานิล ลอยตายจำนวนมากคาดว่าได้รับผลกระทบจากสภาพที่อากาศร้อนจัด โดยอุณหภูมิใน จ.ชัยภูมิในวันนี้สูง 42-43 องศา
สำหรับบึงระหารแห่งนี้เป็นบึงขนาดใหญ่ เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ มีเนื้อที่กว้างใหญ่ เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของประเทศไทย มีเนื้อที่ 18,181 ไร่ หรือ (29.08 ตารางกิโลเมตร) เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์และยังมีระบบนิเวศที่ดี บึงละหานได้รับเลือกให้เข้าอยู่ในทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติของไทย กินเนื้อที่กว่างกินพื้นที่ใน 2 อำเภอ คือ อ.จัตุรัส และ อ.บ้านเขว้า ซึ่งอากาศร้อนสุดขั้ว ทำให้ปลาหลายแสนตัวตายเกลื่อนบึงละหาน
ด้านนายถนอม อุตทามาตย์ กำนันต.ละหาน กล่าวว่าสาเหตุที่ปลาลอยตายในบึงละหานอาจจะเป็นเนื่องมาจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดและเกิดพายุฝนตกกระหน่ำในบึงละะหาเมื่อวันที่ 4 พ.ค.67 ที่ผ่านมาอาจจะ ทำให้ปลาปรับสภาพไม่ทัน และทยอยลอยตายเป็นแพ เบื้องต้นทางผู้ว่าราชการจังหวัดรับทราบเรื่องแล้วจึงได้สั่งการมาทางอำเภอจัตุรัสและได้มอบหมายให้ตนและอบต.ละหานนำชาวบ้านออกช่วยกันนำเรือออกดเก็บซากปลาที่ตายเกลื่อนลอยเหนือผิวน้ำที่กำลังส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบึงแล้วในวันนี้ โดยวันนี้ได้มีการนำปลาตายขึ้นมาได้กว่า10 ตันแล้วโดยนำไปทิ้งในสวนของชาวบ้านเพื่อผลิตปุ๋ยอินทรีย์หรือน้ำหมักให้แก่เกษตรกรนำไปใช้รดหรือฉีดพ่นใส่พืชผักต่อไป
โดยในวันพรุ้งนี้จะได้มีการประสานผู้นำชุมชนใน 3 ตำบล คือ ต.ละหาน ต.จัตุรัส ต.หนองบัวบาน เพื่อช่วยรดมชาวบ้านให้ช่วยนำเรือมาเก็บซากปลาที่กำลังเน่าเหม็นขึ้นจากน้ำโดยเร็วเพื่อไม่ให้กระทบชาวบ้านที่ใช้ผลิตน้ำประปาในชุมชนต่างๆ
ด้านนายทุเรียน พัดใหม่ อายุ 65 ปี บ้านที่หาปลาริมบึงละหานเผยตั้งแต่อยู่มาหาปลาที่บึงขายมาตลอดยังไม่เคยเจอเหตุการณ่เช่นนี้เลยนี้ครั้งแรกเกรงว่าปลาจะดับสูญพันธ์เช่นกัน
ขณะนายประจง บัวสิลา อายุ 59 ปีชาวบ้านนพื้นที่ ต.ละหานหลังทราบข่าวว่ามีปลาตายเกลื่อนที่บึงละหาตนก็ได้นำรถกระบะมาบรรทุกเอาปลาที่ตายไปหมักทำน้ำหมักชีวะภาพไว้ฉีดพ่นนาข้าวหรือพืชผักต่างๆ เพราะเชื่อว่าปลาถ่านผ่านการหมักแล้วจะเป็นปุ๋ยน้ำชั้นดีเลยทีเดียว
ภาพ/ข่าว คำหอม ชุมชน 02 ผู้สื่อข่าว จ.ชัยภูมิ