ตำรวจรับลูกช่วยตามเงินหายจากบัญชีปริศนา 5 แสน ครอบครัวยืนยันไม่มีใครโอน
1 min readอำเภอเมือง//ครอบครัวสาววัย 35 ปีไม่มีทางออกหลังเงินหายจากบัญชีธนาคาร 5.3 แสนบาท แต่กลับไม่สนใจอ้างว่าโอนกันเอง ล่าสุดตำรวจ สภ.หนองสองห้อง รับเรื่องจะเป็นคนติดตามหาข้อเท็จจริงให้ กราบตำรวจระบุโล่งอก
วันที่ 31 ก.ค.67 กรณี น.ส.เบญจวรรณ สุพะนาม อายุ 35 ปี อยู่เลขที่ 2 หมู่ 5 บ้านโคกกลาง ต.เมืองฝาง จ.บุรีรัมย์ ร้องสื่อว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากธนาคาร 2 ธนาคาร คือธนาคารกรุงไทยและธนาคารธนชาติ ที่ปัดความรับผิดชอบและไม่ดำเนินการให้ตามที่ตนร้องขอ
เนื่องจากเงินในบัญชีของตนได้หายไปจากบัญชีเป็นจำนวนเงินถึง 530,000 บาทแต่ธนาคารอ้างว่าเราเป็นคนทำธุรกรรมเอง ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริง และอยากให้ผู้รู้มาชี้แนะหาทางออกเพราะเกิดอาการเครียด
ทั้งที่ยืนยันกับธนาคารว่าไม่เคยโอนไปต่างประเทศ คนในครอบครัวมีแต่ตนเพียงคนเดียวที่ทำธุรกรรมทางการเงินได้ ลูกชายอายุเพียง 7 ขวบกับ 4 ขวบ พ่อแม่อายุ 59 ปีไม่รู้การใชแอปธนาคาร แต่ธนาคารยังยืนยันว่าหลักฐานที่พบเป็นการโอนผ่านแอป ตนจะโอนไปต่างประเทศทำไม เพราะไม่รู้จักใคร ไม่ค้าขายผ่านต่างประเทศ
ล่าสุดนางประกอบ สุพะนาม อายุ 53 ปี แม่ น.ส.เบญจวรรณ ผู้เสียหาย ได้เดินทางมาที่ สภ.หนองสองห้อง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เพื่อขอให้ตำรวจช่วยเหลือติดตามเส้นทางเงินที่แท้จริงให้เพราะเงินจำนวนดังกล่าวสำคัญต่อลูกสาวที่จะเก็บไว้สร้างบ้าน และเป็นเงินหยาดเหงื่อของลูกเขยที่ทำงานอยู่ต่างประเทศส่งมาให้
นางประกอบ ยืนยันด้วยว่า ทางครอบครัวไม่มีใครใช้แอปธนาคารโอนเงินเป็น มีเพียงลูกสาวคนเดียวเท่านั้นที่ทำธุรกรรมทางการเงินได้ เมื่อทางธนาคารปฏิเสธการช่วยเหลือจึงจำเป็นต้องมาพึ่งตำรวจมาช่วย ตอนนี้เริ่มมีความหวังมากขึ้นแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.อนันต์ ทองบรรเทิงผกก.สภ.หนองสองห้อง อ.เมือง กล่าวว่า เมื่อชาวบ้านมาร้องขอความช่วยเหลือตำรวจต้องมีหน้าที่ เบื้องต้นจะทำการตรวจสอบหาเส้นทางการเงินก่อน
โดยจะต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐาน เส้นทางการเงินของธนาคารที่เกิดขึ้น มีการโอนเข้า โอนออกอย่างไร ซึ่งจะต้องมีการสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียด ทางตำรวจพร้อมที่จะช่วยเหลือไม่ว่าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหน่วยงานใด แล้วมาวิเคราะห์ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากบุคคลใด
ทั้งนี้ตำรวจ สภ.หนองสองห้อง ขอความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน เกี่ยวกับมิจฉาชีพที่มักจะมาหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการทำธุรกรรมการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ ต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ภาพ/ข่าว วาทิตย์ แสนธุปี ทีมข่าวบุรีรัมย์