ตํารวจ สปพ. ขยายผลจับเครือข่าย “รองเมือง” ลอบขนยาเสพติดกระจายในชุมชน กทม. ยึดยาบ้า 1.3 ล้านเม็ด คีตามีน 3 กก.
1 min readวันนี้ (2 ส.ค. 67) พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (ผบก.สปพ.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงผลการสืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติดพร้อมตรวจยึดยาบ้า 1,300,000 เม็ด และ คีตามีน 3 กิโลกรัม
พล.ต.ต.วรวิทย์ ผบก.สปพ. กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นเครือข่ายยาเสพติด ”กลุ่มรองเมือง“ ซึ่งจะกระจายยาเสพติดไปยังชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายพิเชษฐ อายุ 34 ปี และ นายตะวัน อายุ 31 ปี โดยเครือข่ายนี้เจ้าหน้าที่เคยจับกุมเมื่อปี 2566 ในครั้งนั้นยึดยาบ้าจํานวน 2 แสนเม็ด และขยายผลต่อมาในเดือนเมษายน ปี 2567 ที่ผ่านมา ตรวจยึดยาไอซ์อีกกว่า 100 กิโลกรัม และคีตามีนกับเฮโรอีน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าติดตามเครือข่ายดังกล่าวอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งสืบทราบว่าจะมีการลักลอบค้ายาเสพติดบริเวณถนนเจริญราษฎร์ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ โดยกลุ่มเป้าหมายได้ไปลักลอบนำยาเสพติดมาจากพื้นที่ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร จากนั้นนำยาเสพติดมาเก็บซุกซ่อนไว้ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ โดยใช้รถยนต์มาสด้า รุ่นซีเอ็ก 5 สีขาว และรถจักยานยนต์ฮอนด้า รุ่น ลีด สีขาว ในการนำยาเสพติดไปส่งให้กับลูกค้า เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเพื่อดําเนินการจับกุม
ต่อมาขณะที่เจ้าหน้าที่ได้วางกําลังซุ่มสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบบ้านเป้าหมายในพื้นที่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ พบนายตะวัน ขับขี่รถจักยานยนต์เข้ามายังบ้านหลังดังกล่าว หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที พบนายพิเชษฐ ขับรถยนต์เข้าไปจอดในบ้านหลังดังกล่าว ประมาณ 5 นาที ก่อนจะกําลังขับรถออกจากบ้าน โดยมีนายตะวัน ยืนเปิดประตูให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่านายตะวันมีท่าทีพิรุธ จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น โดยผลการตรวจค้นพบยาบ้าจํานวน 500,000 เม็ด วางอยู่ภายในยนต์ จากนั้นตรวจค้นในบ้านเพิ่มพบยาบ้าอีกจํานวน 800,000 บาท ซุกซ่อนอยู่ภายในตู้เสื้อผ้าชั้นสองของบ้านหลังดังกล่าว ก่อนคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาสอบสวนเพื่อขยายผลหาผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐาน “ร่วมกันจําหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) และร่วมกันจําหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (เคตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต“ ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพและเป็นประโยชน์
ทั้งนี้ พล.ต.ต.วรวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายพิเชษฐ เคยถูกจับกุมในข้อหาพยายามฆ่าและหนีหมายจับศาลในคดียาเสพติด ซึ่งจะทําการอายัดหมายจับในคดีดังกล่าวเพื่อส่งดําเนินคดีด้วย ส่วน นายตะวัน พบมีคดีครอบครองอาวุธปืน ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองคนมีพฤติกรรมกระทําความผิดซํ้า โดยจะแจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบ เพื่อดําเนินคดีเพิ่มเติมตามกฎหมายต่อไป