ผบช.ภาค 9 แถลงจับกุมคดีอาชญากรรมในพื้นที่ 3 จชต. เผยคืบหน้าคาร์บอมบ์ ที่ปัตตานี ระบุคนร้ายพยายามก่อเหตุร้ายต่อเนื่องมุ่งเป้าหมาย สั่งมาตรการเข้มป้องกันในพื้นที่
1 min readวันนี้ 13 ส.ค.67 ที่ ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า เขตเทศบาลนครยะลา
อ.เมืองยะลา จ.ยะลา พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พร้อมด้วย พล.ต.กรกฎ ภู่โชติ รอง แม่ทัพภาคที่ 4 นายโอฬาร บิลสัน ปลัดจังหวัดยะลา พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 ผู้บังคับการตำรวจภูธรทั้ง 4 จังหวัด ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ สงขลา เข้าร่วม ทั้งนี้ ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สังการให้ทุกหน่วยงานในสังกัด กวดขันงานด้านป้องกันปราบปราม และเร่งรัดติดตามผู้กระทำผิด กรณีเกิดเหตุประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน มาดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมถึงนโยบายด้านการบังคับใช้กฎหมายของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่ยึดหลักการปฏิบัติตามหลักของกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชน โดยให้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ตำรวจภูธรภาค 9/ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้าได้ดำเนินการตามนโยบาย ซึ่งในวันนี้เป็นการแถลงผลการปฏิบัติที่สำคัญ ในพื้นที่ของ ตำรวจภูธรภาค 9 ดังนี้ 1. เหตุใช้อาวุธปืนภายในสวนผลไม้พื้นที่ ต.หน้าถ้ำ อ.เมืองยะสา จ.ยะลา เหตุเกิดบริเวณสวนทุเรียน หมู่ท่่ 5 ต.ท่าสาป อ.เมืองยะลา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 04.00 น. คดีนี้หลังได้รับแจ้งเหตุชุดสืบสวนได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบวัตถุพยานเป็นกระสุนถูกปรายตกอยู่ในที่เกิดเหตุ มีเต็นท์ที่พักอยู่ใกล้กับบริเวณดังกล่าว ทราบว่าผู้ต้องสงสัยคือคนเฝ้าสวนทุเรียนที่เกิดเหตุซึ่งหลบหนีไปหลังเกิดเหตุ จึงได้ประสานความร่วมมือกับผู้นำชุมชนในพื้นที่ติดตามตัวมาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย จนในวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ผู้ก่อเหตุ คือ นายบะห์ฮารี มาหะมะลี ได้เข้ามอบตัวต่อ ชุดสืบสวนพร้อมนำอาวุธปืนลูกซองที่ใช้ก่อเหตุมามอบให้ตรวจยึดเป็นของกลาง สาเหตุเกิดจากมีคนร้ายเข้าไปลักทุเรียนในสวนอยู่บ่อยครั้ง ผู้ก่อเหตุจึงได้ไปนอนเฝ้าสวนและพบว่าผู้บาดเจ็บเข้าไปลักทุเรียนภายในสวน จึงก่อเหตุดังกล่าว 2. เหตุใช้อาวุธปืนต่อเยาวชนพื้นที่ ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา จ.ยะลา เหตุเกิด บริเวณหน้าศูนย์ซ่อมบำรุงเอไอเอส ถ.สายตือเบาะ-ปารามีแต ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา จว.ยะลา เมื่อวันที่ 8 ส.ค.67 เวลาประมาณ 23.45 น. คดีนี้ถือเป็นการก่อเหตุที่อุกอาจมากและผู้เสียชีวิตเป็นเยาวชน ผบช.ภ.9 และ ผบก.ภ.จว.ยะลา ได้สั่งการให้สืบสวนติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยด่วน ชุดสืบสวน สภ.เมืองยะลา ร่วมกับกก.สส.ภ.จว.ยะลา ได้ดำเนินตรวจสอบกล้องวงจรปิดและติดตามคนร้ายก่อเหตุจนกระทั่งสามารถจับกุมตัวนายอาดือนัน เฮงเลาะ ผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิตไว้ได้พร้อมอาวุธปืนแบลงค์กันดัดแปลงที่ใช้ก่อเหตุ จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนและตรวจยึดรถจักรยานธนต์คันที่ใช้เป็นยามพาหนะในการก่อเหตุไว้เป็นของกลาง ส่วนผู้รับขี่รถจักรยานยนต์ให้กับผู้ก่อเหตุยิงเป็นเยาวชน ได้นำตัวมาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว มูลเหตุในคดีนี้เกิดจากควานโกรรมที่เพื่อนขอนของผู้ก่อเหตุถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนได้รีบบาดเจ็บมือวันที่ 9 กรกฎาคม 2557 เวลาประมาณ 20.00 น. เหตุบกิคบริเวนแยกแฟลต นปพ. ต.สะเตง อ.เมืองยะลา โดยผู้ก่อเหตุเข้าใจว่าสมาชิกในกลุ่มของผู้ตายเป็นผู้ใช้อารปืนก่อเหตุยิงเพื่อนของตน ซึ่งคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกันตัวผู้ก่อเหตุ ดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว 3. เหตุคนร้ายนำรถยนต์บรรทุกระเบิดจอดหน้าอาคารที่พักของข้าราชการตำรวจ สภ.บันนังสตา อ.บันนังสตา จว.ยะลา เหตุระเบิดแฟลตตำรวจ สภ.บันนังสตา ด้วยเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เวลา 10.13 น. เกิดเหตุคนร้ายนำรถยนต์ประกอบมาจอดที่บริเวณอาคารบ้านพักข้าราชการตำรวจ สภ.บันนังสตา และเกิดระเบิดมา เป็นเหตุให้ น.ส.รอกีเย๊าะ สาระนะ ราษฎรที่ขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาเสียชีวิต 1 ราย ตำรวจและประชาชน ได้รับบาดเจ็บรวม 55 ราย จากการตรวจสอบพบว่า ดังกล่าวถูกคนร้ายลักมาจาก อบต.ธารโต ในช่วงค่ำคืนก่อนเกิดเหตุ จากนั้นได้นำไปซุกซ่อนใน พื้นที่ บ้านบือชู ต.บันนังสตา ก่อนนำมาก่อเหตุในวันรุ่งขึ้น จากการตรวจพิสูจน์วัตฤพยานในที่ เกิดเหตุพบว่าเชื่อมโยงเหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดยะลา จำนวน 16 เหตุการณ์
ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ดำเนินการสืบสวนและบูรณาการกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ติดตามควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยและรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออก หมายจับดำเนินคดีได้ จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย นายมาหะมะดอสี บาเกาะ (ทำหน้าที่สั่งให้ช่างปิดแผงควบคุมไฟกล้องวงจรปิดภายใน อบต.ธารโต เพื่อให้ความสะดวกกับชุดที่มาลักรถยนต์ ไปประกอบระเบิด) และนายอีดาบาตุลลอฮ หะยีเจ๊ะเต๊ะ(ทำหน้าที่สำรวจเส้นทางบริเวณฐานทหารในเส้นทางที่รถยนต์คันประกอบระเบิดขับผ่านไปก่อเหตุ) กันเป็นพยาน 1 ราย นอกจากนี้ จากการขยายผลการสืบสวนพบพยานหลักฐานว่านายอีดาบาตุลลอฮฯ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุยิง และลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ อส.ชคต.บาเจาะ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา และยังพบว่ามีการสำรวจพื้นที่เตรียมก่อเหตุในพื้นที่ อ.บันนังสตา อีกหลายจุด ซึ่งได้ดำเนินการแจ้งหน่วยพื้นที่ดำเนินการพิสูจน์ทราบและแจ้งเตือนกำลังพลให้ให้ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ สำหรับนายอีดาบาตุลลอฮฯ เคยถูกจับกุมในคดีเผารถยนต์โดยสารกรุงเทพ-เบตง ในพื้นที่ สภ.บันนังสตา เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2560 ซึ่งศาลชั้นต้น พิพากษาลงโทษ แต่อกฟ้องในชั้นอุทธรณ์ และฎีกา หลังได้รับการปล่อยตัวพบว่ามีการเคลื่อนไหวในพื้นที่และมาก่อเหตุในคดีดังกล่าว 4. เหตุใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 04.30 น. ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.หาดใหญ่ กำลังตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดอยู่บริเวณแยกโรงปูน ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้มีคนร้าย ขับรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลตรุ่น อาวีโอ สีดำทะเบียน ขล404 สงขลา ฝ้าจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ไประหว่างที่เจ้าหน้าที่สายตรวจได้ติดตามไปถึงบริเวณวัดอัมพวัน ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้ขับหลบหนีไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.หาดใหญ่ ร่วมกับ บก.สส.ภ.9 และ กก.สส.ภ.ภ.จว.สงขลา ลงที่ตามหาผู้ครอบครองรถ จนได้พบกับผู้ครอบครองรถที่พักอาศัยอยู่ที่ ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ ผู้ครอบครองรถได้ให้การว่าได้ขายรถดังกล่าวไปแล้ว และได้ขายต่อไปเป็นทอดๆ จนสืบทราบว่าผู้ครอบครองคนล่าสุดคือ นายอำนาจ แก้วมณี จากนั้น วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 08.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ไปตรวจค้นบ้านของ นายอำนาจฯ ที่บ้านเลขที่ 902/276 ถ.เลียบคลองชลประทาน ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนตัดแปลงและเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง และจากการซักถาม นายอำนาจฯ การว่า นายอำนาจฯ ได้ให้รถยนต์คันก่อเหตุไปกับ นายวรากร หรือโหลน แก้วมณีนำไปใช้ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองและได้นำตัว นายอำนาจฯ พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ต่อมาวันที่ 1 สิงหาคม2567 เวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านของ นายวรากร หรือโหลนแก้วมณี เลขที่ 61 ม.12ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง จ.สงขลา พบรถยนต์คันก่อเหตุจอดอยู่หน้าบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยึดไว้เป็นของกลาง จากนั้นจึงได้สอบถามยายของ นายวรากรฯ ให้การว่า นายวรากรฯ เป็นคนมาจอดทิ้งไว้แล้วหลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับ นายวรากรฯ จาก ศาลจังหวัดสงขลา ที่ จ.515/2567 ลง 1 สิงหาคม 2567) ต่อมาเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่านายวรากรฯ ได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ที่ ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ซึ่งเป็นบ้านญาติของแฟนเจ้าหน้าที่ดำรวจจึงได้เข้าปิดล้อมพื้นที่และจับกุม นายวรากรฯ ได้ที่บ้านเลขที่ 82ม.3 ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง พร้อมทั้งได้ตรวจยึดอาวุธปืนสั้นขนาด 11มม. ยี่ห้อ colt ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุและเครื่องกระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน 23 นัด และยังตรวจพบยาบ้าจำนวน 41เม็ดและยาไอซ์ จำนวน 1.24 กรัม เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมตัว นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย 5. เหตุบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ อ.จะแนะ จว.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 คดี ผลการปฏิบัติบังคับใช้กฎหมายติดตามกลุ่มก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่จว.นราธิวาส เป็นเหตุให้คนร้ายในกลุ่ม ผกร. เสียชีวิต 1 รายเหตุเกิด บริเวณในพื้นที่ บ้านไอร์ลาฆอ ม.5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาสพฤติการณ์ในคดี เมื่อวันที่ 7 ส.ค.66 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ามีกลุ่ม ผกร. ได้มาหลบช่อนไอร์ลาฆอ ม.5ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จว.นราธิวาส เพื่อเตรียมก่อเหตุในพื้นที่ จึงประสานส่วนที่เกี่ยวข้องมาประชุมวางแผน เพื่อเข้าปฏิบัติต่อเป้าหมาย ต่อมา เมื่อวันที่ 8 ส.ค.67 เวลาประมาณ 05.00 น. ได้เข้าปฏิบัติต่อเป้าหมายในพื้นที่ บ.ไอร์ลาฆอ ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ขณะที่ จนท.ชุดปฏิบัติ เข้าบังคับใช้ กฎหมาย ตรวจค้น ได้เกิดการปะทะกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ จนเป็นเหตุให้ จนท.ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และคนร้ายในกลุ่ม ผกร. เสียชีวิต 1 รายความเสียหายต่อชีวิต จนท. ได้รับบาดเจ็บ 1 นายส.อ.วีรศักดิ์ พันโส อายุ 31 ปี (โดนยิงบริเวณสะโพกข้างซ้าย) ความเสียหายต่อชีวิต คนร้ายที่เสียชีวิต 1 ราย นายอัมรี เจ๊ะฮะ อายุ 43 ปี ที่อยู่ 240 หมู่ที่ 7 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จว.นราธิวาสผลการดำเนินการตรวจยึดของกลาง จำนวน 3 รายการ 1.ปืนยาวลูกซองเดี่ยว (REMINGTON) แบบปั้มแอ๊คชั่น ขนาด 12 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน 2.ระเบิดไปป์บอมบ์ จำนวน 1 ลูก 3.กระเป๋าเป้สนามพร้อมอุปกรณ์ดำรงชีพในป่า ผลการตรวจพิสูจน์อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พบประวัติฯ 8 คดี 1.เหตุยิงราษฎรได้รับบาดเจ็บ 2 ราย พื้นที่ อ.ระแงะ จว.นราธิวาส เมื่อ 2เม.ย.58 2.เหตุชุ่มยิงจนท.ทพ. ร้อย ร.1102 เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 3 นาย พื้นที่ อ.สุคิริน จว.นราธิวาส เมื่อ15 พ.ค.58 3.เหตุลอบวางระเบิดและยิงใส่ ทพ. 4513 เสียชีวิต 2 นาย พื้นที่ อ.ระแงะ จว.นราธิวาส เมื่อ 25 ก.พ.64 4.เหตุขว้างระเบิดและใช้อาวุธปืนยิง จนท.ทพ. 4914 พื้นที่ อ.จะแนะ จว.นราธิวาส บาดเจ็บ 1 เสียชีวิต 1 นาย เมื่อ 22 ส.ค.65 5.เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้าและยิงราษฎรหาของป่า พื้นที่ อ.จะแนะ จว.นราธิวาส เมื่อ 13 พ.ย.65 6.คนร้ายลอบวางระเบิดและซุ่มยิงจ้าหน้าที่ ชคต. ศรีสาคร บาดเจ็บ 2 นาย และชีวิต 1 นาย พื้นที่ อ.ศรีสาคร จว.นราธิวาส เมื่อวันที่ 11 ม.ค.66 7.คนร้ายลอบวางระเบิดและใช้อาวุธปืนยิงซ้ำ คนหาของป่า เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 2 ราย เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.66 8.เหตุ เจ้าหน้าที่ ปะทะ ขณะเข้าปิดล้อมตรวจค้นบริเวณบ้านพักในพื้นที่บ้านไอร์ลาฆอ หมู่ที่ 5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เสียชีวิต 1 ราย เมื่อวันที่ 8 ส.ค.67 ประวัติ ผู้ก่อความไม่สงบ ผู้เสียชีวิต 1.เคยถูกควบคุมตัว และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุยิงคนร่อนทองเสียชีวิต จำนวน 4 ศพ พื้นที่ บ.น้ำตก ต.สุคิริน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.61 โดยถูกควบคุมตัว เมื่อวันที่ 10 ก.ค.61 ณ กรม ทพ.46 2.ตรวจพบ DNA ของผู้เสียชีวิต เชื่อมโยงจำนวน 2 เหตุ ดังนี้ 2.1 จากเหตุตรวจพบหลุมระเบิดฯ ริมถนนทางหลวงหมายเลข 4207 พื้นที่ บ้านไอร์โช หมู่ที่ 5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จว.นราธิวาส เมื่อวันที่ 3 พ.ค.67 2.2 เหตุ เจ้าหน้าที่ ปะทะ ผู้ก่อความไม่สงบ และ เหตุระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย พื้นที่ บ้านไอกูเล็ง หมู่ที่ 3 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4-5 ก.ค.67 และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลส่วนเกี่ยวข้องอีกจำนวนหลายราย