ปลื้มใจปิดท้ายธรรมยาตราฯ ปีที่ 8 พุทธศาสนิกชนเนืองแน่นถวายการต้อนรับ และร่วมจุดประทีป ณ สถานที่ขยายวิชชาธรรมกาย วัดพระธรรมกาย
1 min readเมื่อวันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ.2563 เวลา 15.30 น. พุทธศาสนิกชนจำนวนมาก พร้อมใจร่วมกราบถวายการต้อนรับคณะพระธรรมยาตรา จำนวน 1,136 รูป ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของโครงการธรรมยาตรา เส้นทางพระผู้ปราบมาร ปีที่ 8 รักษ์บวร รักษ์ศีล 5 เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และบูชาธรรมมหาปูชนียาจารย์ เนื่องในเทศกาลต้อนรับปีใหม่ พ.ศ.2563 เข้าสู่อนุสรณ์สถานลำดับที่ 7 สถานที่ขยายวิชชาธรรมกาย วัดพระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ณ มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลังจากที่คณะพระธรรมยาตราได้จาริกบำเพ็ญสมณธรรม ณ อนุสรณ์สถานสำคัญในเส้นทางพระผู้ปราบมาร ซึ่งเป็นเส้นทางที่ตั้งของสถานที่ที่เกี่ยวเนื่องกับชีวประวัติของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย พระผู้ปราบมาร ทั้ง 6 แห่ง ประกอบด้วย อนุสรณ์สถานลำดับที่ 1 สถานที่เกิดด้วยรูปกายเนื้อ ตั้งอยู่บนแผ่นดินรูปดอกบัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี, อนุสรณ์สถานลำดับที่ 2 สถานที่ตั้งมโนปณิธานว่าบวชตลอดชีวิต ตั้งอยู่บนแผ่นดินมงคลริมคลองบางนางแท่น อ.สามพราน จ.นครปฐม, อนุสรณ์สถานลำดับที่ 3 สถานที่เกิดใหม่ในเพศสมณะ ตั้งอยู่ที่วัดสองพี่น้อง (พระอารามหลวง) อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี, อนุสรณ์สถานลำดับที่ 4 สถานที่เกิดใหม่ด้วยกายธรรม ตั้งอยู่ที่วัดโบสถ์บน ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี, อนุสรณ์สถานลำดับที่ 5 สถานที่เผยแผ่วิชชาธรรมกายเป็นครั้งแรก ตั้งอยู่บนแผ่นดินมงคลตรงข้ามวัดบางปลา อ.บางเลน จ.นครปฐม และอนุสรณ์สถานลำดับที่ 6 สถานที่ค้นคว้าและเผยแผ่วิชชาธรรมกาย ตั้งอยู่ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (พระอารามหลวง) กรุงเทพมหานคร จนกระทั่งจาริกธรรมยาตรามาสิ้นสุดที่อนุสรณ์สถานลำดับที่ 7 สถานที่ขยายวิชชาธรรมกาย วัดพระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ซึ่งนอกจากคณะพระธรรมยาตราจะได้จาริกไปเพื่อบำเพ็ญสมณธรรมตามรอยพระเดชพระคุณหลวงปู่พระผู้ปราบมารแล้ว ในส่วนของพุทธศาสนิกชนยังได้มีโอกาสร่วมทำกิจกรรมธรรมยาตรา ด้วยการทำทาน น้อมถวายภัตตาหารเป็นสังฆทานในทุกเช้าของวัน, ร่วมพิธีตักบาตรแด่คณะพระธรรมยาตรา, ทำบุญถวายสังฆทานแด่วัด และคณะสงฆ์ในพื้นที่เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา, มอบทุนการศึกษาส่งเสริมศีลธรรม อีกทั้งยังได้ร่วมรักษาศีล และปฏิบัติธรรม ด้วยการร่วมกิจกรรมถวายการต้อนรับ, พิธีจุดประทีป ลอยกระทงธรรม น้อมถวายเป็นพุทธบูชา และบูชาธรรมพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) อีกด้วย โดยในวันนี้ (31 มกราคม พ.ศ.2563) เวลา 17.00 น. ได้จัดให้มีพิธีจุดประทีป เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และบูชาธรรมพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ณ พระมหาธรรมกายเจดีย์ พระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าล้านพระองค์ วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี ถือเป็นการสิ้นสุดโครงการธรรมยาตราฯ ปีที่ 8 อย่างบริบูรณ์ด้วยความปลื้มใจ
พระมหานพพร ปุญฺญชโย ป.ธ.9 รองผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า “ในส่วนของพระธรรมยาตราที่เข้าร่วมโครงการฯ นั้น ปรากฏผลสัมฤทธิ์ด้านความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหาหลักสูตรฝึกอบรม ของโครงการฯ อาทิ วิถีชีวิตชาวพุทธ และศาสนพิธี มหาปูชนียาจารย์ ศาสนิกชนที่ดีของพระพุทธศาสนา ปฏิบัติธรรมเจริญภาวนา ทางแห่งความดี การเข้าถึงพระรัตนตรัย ศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ คุณค่าความสำคัญของพุทธบุตร และพระพุทธศาสนากับการแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังมีความรู้ และซาบซึ้งในปฏิปทาของมหาปูชนียาจารย์ คือ พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระผู้ปราบมาร เข้าใจถึงเป้าหมายในการสร้างบุญตามหลักบุญกิริยาวัตถุ 10 ในพระพุทธศาสนา เป็นที่น่าสังเกตว่าเรื่องการปฏิบัติธรรมเจริญภาวนา และคุณค่าของพุทธบุตร เป็นประเด็นที่ผู้เข้าอบรมฯ มีความรู้พื้นฐานน้อยมาก แต่หลังจากผ่านโครงการฯ แล้ว พระภิกษุผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจในวิธีการ และความสำคัญของการปฏิบัติธรรมมากขึ้นเห็นคุณค่าของการบรรพชาอุปสมบท ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา ในส่วนผลสัมฤทธิ์ด้านการสืบสานพระพุทธศาสนา และนำธรรมะไปใช้ในชีวิตประจำวันนั้น พระอาจารย์ผู้ให้การอบรมฯ มีความมุ่งหวังให้พระธรรมยาตราทุกรูปได้อยู่เป็นเนื้อนาบุญ เป็นอายุพระพุทธศาสนา บวชอยู่ต่อเพื่อเป็นศาสนทายาท ด้วยความศรัทธาตั้งมั่นต่อพระรัตนตรัยที่เกิดจากภายในตนเอง โดยทางโครงการฯ ได้สร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการอบรมให้เป็นสัปปายะเหมาะแก่การประพฤติปฏิบัติธรรม และกิจวัตรกิจกรรมที่ปลูกฝังให้เห็นความสำคัญของการบวช ซึ่งมีพระธรรมยาตราเป็นจำนวนมากตั้งใจจะบวชอยู่ต่อเป็นอายุพระพุทธศาสนา บวชเพื่อศึกษาธรรมะแบบวันต่อวัน คือ ให้เกิดความสุขจากการบรรพชาอย่างต่อเนื่องไปทุกวัน วันต่อวัน โดยไม่ได้กำหนดวันลาสิกขา และจะได้เข้าโครงการปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องอีก 1 เดือน ก่อนที่จะอบรมพระนวกะในช่วงเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ส่วนบางท่านที่มีความจำเป็นมีภาระที่ต้องรับผิดชอบครอบครัว ก็จะกลับไปใช้ความรู้ที่ได้จากการอบรมเป็นชาวพุทธที่ดี ดูแลครอบครัว สังคม และเป็นกำลังสนับสนุนงานพระพุทธศาสนาในท้องถิ่นของตนเองต่อไป”
นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ผู้ประสานงานโครงการธรรมยาตราฯ ปีที่ 8 กล่าวว่า “วันนี้นับเป็นวันสิ้นสุดโครงการธรรมยาตราฯ ปีที่ 8 ที่เกิดขึ้นจากการประสานความร่วมมือดำเนินงานของวัดพระธรรมกาย, องค์การพุทธโลก (พล) และภาคีเครือข่ายองค์กรชาวพุทธกว่า 30 องค์กร โดยการประสานงาน และสนับสนุ นการดำเนินงานของเครือข่ายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก ซึ่งผลสัมฤทธิ์โดยภาพรวมที่ผ่านมานั้น สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ทั้งในด้านที่พระภิกษุบวชใหม่ที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ฝึกฝนอบรมตนตามพุทธวิธี เป็นศาสนทายาทที่ดีแก่พระพุทธศาสนา รวมทั้งด้านการส่งเสริมกิจกรรมสร้างความเข้มแข็งด้านศีลธรรม ในรูปแบบรักษ์บวร รักษ์ศีล 5 โดยการประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนด้วยพลังบวร ทำให้เยาวชน และประชาชน ได้มีโอกาสสืบสานพุทธประเพณี เสริมความเป็นสิริมงคลให้ชีวิต และสร้างบุญใหญ่ให้แผ่นดิน อย่างต่อเนื่องในระยะเวลา 30 วัน คณะพระธรรมยาตรา และศรัทธาสาธุชน ต่างได้เรียนรู้ และปฏิบัติตนตามวิถีชีวิตชาวพุทธ มารยาทชาวพุทธ และการเป็นศาสนิกชนที่ดีในพระพุทธศาสนา เน้นรูปแบบ Learning by doing ด้วยการจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ปฏิบัติธรรม ถวายมหาสังฆทานแด่คณะสงฆ์ มอบทุนการศึกษาแก่สถานศึกษา จำนวน 3 ครั้ง รวม 342 วัด 30 สถานศึกษา สนองตามโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ของคณะสงฆ์และภาคีเครือข่ายในพื้นที่, การจัดพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีบำรุงวัด รวมจำนวน 40 วัด และการกิจกรรมทำความสะอาดเพื่อทำนุบำรุงศาสนสถาน โดยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในชุมชน สนองตามโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข (สร้างสัปปายะสู่วัดด้วยวิถี 5ส) ของมหาเถรสมาคม รวม 40 วัด เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ได้หล่อหลอมให้พระธรรมยาตรา และชาวพุทธได้เข้าใจบริบทการรักษารากฐานของพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนนานสืบไป ขอกราบขอบพระคุณคณะสงฆ์ องค์กรภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ตลอดเส้นทางธรรมยาตราในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ จ.พระนครศรีอยุธยา, จ.สุพรรณบุรี, จ.นครปฐม, จ.ปทุมธานี, จ.นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ที่ได้ให้การสนับสนุนการดำเนินงานโครงการธรรมยาตราฯ ปีที่ 8 อย่างดียิ่ง ซึ่งทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ทุกประการ อันเป็นประโยชน์ทั้งต่อชาวพุทธ สังคม ประเทศชาติ และพระพุทธศาสนาโดยรวม กล่าวได้ว่า ผลบุญเป็นของทุกท่าน ผลงานเป็นของทุกคน”
ภาพ/ข่าว สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม รายงาน