บุรีรัมย์ ลิขสิทธิ์หนังกลางแปลงเถื่อนอาละวาด วอนช่วยเหลือ!! (มีคลิป)
1 min readผู้ประกอบการหนังกลางแปลงทั่วประเทศเดือดร้อนหนัก หลังถูกกลุ่มคนอ้างเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หนัง”ฮอลลี่วู้ด”เรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์รายละ 3,000-200,000 บาทต่อเดือน กว่า 1,800 บริการทั่วประเทศต้องสูญกว่า 15 ล้านบาทต่อเดือน รายเดียวฮึดสู้ให้จับไปสู้กันในศาล มั่นใจชนะเพราะตรวจสอบแล้วต่างประเทศไม่ได้เก็บ ที่กลุ่มนี้กล้าเพราะได้ลิขสิทธิ์ซีดี แล้วเอามาเปลี่ยนเอกสารเป็นหนังกลางแปลง
วันที่ 18 พ.ย.62 ตัวแทนผู้ประกอบการหนังกลางแปลงภาคอีสาน นำเอกสารเป็นอัตราการเรียกเก็บเงินค่าลิขสิทธิ์และแชทไลน์การข่มขู่ของบริษัทที่อ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากบริษัทภาพยนตร์”ฮอลลี่วู้ด”มาร้องต่อสื่อเพื่ออยากให้ผู้รู้มาช่วยเหลือ หลังจากถูกรีดเก็บเงินค่าลิขสิทธิ์ทั้งรายเดือนและรายปี สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการทั่วประเทศ และเชื่อว่าน่าคล้ายกันกับกรณีลิขสิทธิ์กระทง
นายศักดิ์ศรี แซ่ลิ้ม อายุ 59 ปี เจ้าของหน่วยบริการภาพยนตร์กลางแปลงชื่อ”ยิ้มๆภาพยนตร์”จังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า กลุ่มที่อ้างเป็นผู้รับมอบอำนาจลิขสิทธิ์ได้เข้ามาเมื่อปี 2559 โดยอ้างว่าได้รับมอบอำนาจจาก”บริษัททเวนตี้ เซ็นจู่รี่ ฟ็อกซ์ ฟิล์ม คอร์ปอเรชั่น “ให้มาจับกุมหน่วยบริการภาพยนตร์กลางแปลง เพราะได้นำหนังต่างประเทศโดยเฉพาะหนังฮอลลี่วู้ด”หรือที่กลุ่มรถหนังเรียกกันว่า”หนังตึก”เอาไปฉายกลางแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาต
แต่หากถ้าไม่อยากให้จับกุม จะต้องจ่ายเป็นค่าลิขสิทธิ์เป็นรายเดือนหรือรายปีก็ได้ ซึ่งกลุ่มนี้จะมีอัตราอัตราค่าจ่ายลิขสิทธิ์ ส่งมาให้ทางไลน์และเฟชบุ๊ก พร้อมกับขู่ว่าหากไม่จ่ายจะต้องไปเจอกันที่โรงพัก ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการหนังกลางแปลงทั่วประเทศที่มีกว่า 1,800 หน่วยบริการหนัง ต้องยอมจ่ายตามขนาดของหน่วยบริการ ตั้งแต่เล็กถึงใหญ่ โดยจะเสียรายละ 3,000-200,000 บาท ต่อเดือนต่อหนึ่งบริการหนัง รวมเป็นเงินแล้วกว่า 15 ล้านบาทต่อเดือนที่ต้องจ่ายให้กลุ่มอ้างเป็นลิขสิทธิ์
นายศักดิ์ศรี แซ่ลิ้ม เจ้าของยิ้มๆภาพยนตร์ กล่าวด้วยว่า หลังจากที่ได้รับเรื่องจากหน่วยบริการหนังกลางแปลงจากทั่วประเทศ ตนมีความรู้สึกไม่สบายใจ และอยากรู้ว่าเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์จริงหรือไม่ และถ้าบริษัทแม่สั่งให้เก็บจริงก็จะจ่ายอย่างถูกต้องไม่ขัดข้อง
ต่อมาตนได้เดินทางไปสอบถามกับบริษัท”ทเวนตี้ เซ็นจู่รี่ ฟ็อกซ์ ฟิล์ม คอร์ปอเรชั่น”กลับได้รับคำตอบว่า เจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ต่างประเทศ ไม่ได้มีการเรียกเก็บลิขสิทธิ์หนังกลางแปลงแต่อย่างใด มีเพียงมอบอำนาจให้ไปจับลิขสิทธิ์แผ่นซีดีเท่านั้น
หลังจากนั้นตนไม่ยอมจ่ายตามคำขู่ กระทั่งกลุ่มลิขสิทธิ์ ได้ให้ตำรวจกว่า 50 นายเข้าจับกุม ยึดทั้งรถและอุปกรณ์ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 ที่ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ซึ่งตนได้รับสารภาพและสู้ในชั้นศาล
ต่อมาศาลชั้นต้นให้เสียค่าปรับให้กับกลุ่มที่อ้างเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์เป็นเงิน 60,000 บาท ตนก็อุทธรณ์สู้คดี จนล่าสุดศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งยกฟ้อง เพราะหลักฐานการรับมอบอำนาจไม่มีที่มาชัดเจน
การถูกจับกุมครั้งนั้นมีหน่วยหนังทั่วประเทศทราบเรื่อง ต่างผวาและยอมจ่ายเงินมาโดยตลอด มาถึงตอนนี้ตนมั่นใจว่าจะต้องชนะคดีในชั้นฎีกา เพราะกลุ่มผู้อ้างลิขสิทธิ์ไม่มีหลักฐานเพียงพอ คล้ายกับคดีกลุ่มที่มาล่อซื้อจับลิขสิทธิ์ลอยกระทงที่ผ่านมา
ด้านนายศุภเสก จำปาทอง เจ้าของหน่วยบริการหนัง”จำปาทองภาพยนตร์”จังหวัดสุรินทร์ บอกว่า กลุ่มนี้ให้ตนจ่ายเดือนละ 10,000 บาท แต่จ่ายรายปีจะเสียแค่ 80,000 บาท ตนไม่มีเงินจึงต้องยอมจ่ายเดือนละ 10,000 บาทหรือเท่ากับปีละ 120,000 บาท
มาถึงตอนนี้ตนไม่ยอมจ่ายให้แล้ว หลังจากศาลอุทธรณ์ให้ชนะคดี ตอนนี้อยากได้เงินที่เสียไปกลับคืนมา และอยากให้ผู้รู้มาแนะนำด้านคดี จากการสอบถามกลุ่มหน่วยหนัง หากมีคนมาช่วยก็พร้อมที่จะแจ้งความกลับฐาน”กรรโชคทรัพย์”เหมือนกรณีลิขสิทธิ์กระทง