สาวอาข่าสุดช้ำ!! แฟนหนุ่มถูกรถชนตาย 3 เดือน คดีไม่คืบ ไร้เงาคู่กรณี
1 min readเมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. ของวันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรย่อยบางน้ำจืด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร หลังได้รับการร้องขอจากนางสาวอรอนงค์ วิบูลย์พันธ์ทิพย์ สาวชนชาติอาข่า อายุ 27 ปี ที่อยู่ 80/1 หมู่ที่ 10 ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย พร้อมกับครอบครัว ให้ช่วยเป็นคนกลางในการเร่งรัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามคดีที่นางสาวอรอนงค์ฯ พร้อมกับ นายวีรพงษ์ มาเยอ อายุ 28 ปี แฟนหนุ่มถูกรถยนต์กระบะและรถจักรยานยนต์ชนเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2562 ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้แฟนหนุ่มเสียชีวิตคาที่ ส่วนนางสาวอรอนงค์ฯ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และขณะนี้ก็ยังอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูบำบัดร่างกาย โดยเวลาได้ผ่านมานานถึง 3 เดือนแล้ว แต่ทางผู้เสียหายนั้นยังไม่เห็นถึงความคืบหน้าในคดี และไม่ได้รับการติดต่อขอเจรจาเยียวยาจากคู่กรณีแต่อย่างใดทั้งสิ้น
และก่อนที่นางสาวอรอนงค์ วิบูลย์พันธ์ทิพย์ ผู้เสียหายจะเข้าพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ก็ได้มีการโพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊คส่วนตัวที่ชื่อ Ve A-cer ซึ่งเป็นเฟสบุ๊คของแฟนหนุ่มที่เสียชีวิตไป โดยระบุข้อความว่า “ฝากกดไลท์ กดแชร์เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ วันนี้หนูมาจาก จ.เชียงราย เพื่อติดตามและทวงความยุติธรรมให้กับแฟนที่เสียชีวิตแล้วถึงแม้ความยุติธรรมจะมีจริงหรือไม่ก็ตาม การสูญเสียที่ผ่านมา 3 เดือนแล้ว แต่ยังคงจับคนผิดไม่ได้ ทั้งที่มีคนเสียชีวิตทั้งคน……คุณหนีจากการโดนจับได้แต่พวกคุณหนีเวรกรรมไม่ได้หรอกคะ…”
นางสาวอรอนงค์ วิบูลย์พันธ์ทิพย์ ผู้เสียหายเล่าว่า ตนเองกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาถึง 13 ปีและกำลังจะแต่งงานกันในราวๆ เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ได้ลงจากดอยเดินทางมาหางานทำที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อจะช่วยกันเก็บเงินไปจัดงานแต่ง ซึ่งพวกตนมาทำงานที่โรงงานทอผ้าแห่งหนึ่งได้ประมาณ 2 เดือน โดยในวันเกิดเหตุแฟนหนุ่มเป็นคนขับรถจักรยานยนต์ส่วนตนนั่งซ้อนท้าย และในช่วงจังหวะที่แฟนหนุ่มกำลังจอดรถตรงกลางของถนนที่เป็นแบบ 2 ช่องจราจร เพื่อจะรอเลี้ยวเข้าไปในซอยของห้องที่อาศัย จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่ามีรถอะไรพุ่งมาชนรถของตนจากทางด้านหลัง แล้วทุกอย่างก็มึนไปหมด ตนไม่รู้ว่ารถอะไรชนและใครเป็นอะไรบ้าง รู้แต่ตัวเองกระเด็นลงไปนอนที่พื้นถนน แล้วก็เห็นแฟนหนุ่มนอนกองแน่นิ่งส่วนรถจักรยานยนต์ของตนก็กระเด็นไปอีกทาง จากนั้นก็มีพลเมืองดีเข้ามาอุ้มตนออกมาอยู่บนฟุตบาธพร้อมกับบอกไม่ให้เคลื่อนไหว ส่วนเสียงที่ได้ยินรอบๆ ข้าง ก็ได้ยินแค่ว่า รถ 4 ล้อชนเท่านั้น ซึ่งต่อมาหลังเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลฯ ตนก็มารู้ว่าแฟนหนุ่มเสียชีวิตในที่เกิดเหตุแล้วเพราะศรีษะกระแทกพื้นอย่างแรง สร้างความเสียใจให้กับตนเองอย่างที่สุด ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ยังทำใจไม่ได้ อีกทั้งประกอบกับความคืบหน้าในคดีก็ยังไม่ชัดเจน ส่วนคู่กรณีแม้ทางตำรวจจะทราบว่าเป็นใครบ้างทั้งคนขับรถยนต์กระบะกับรถจักรยานยนต์ แต่ก็ไม่เคยมีใครติดต่อมาหาตนเพื่อขอเจรจาหรือรับผิดชอบแต่อย่างใดทั้งสิ้น ยิ่งทำให้ตนเจ็บช้ำใจ โดยทุกวันนี้ตนทำได้เพียงแค่จุดธูปบอกดวงวิญาณของแฟนว่า ให้ตำรวจเอาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ซึ่งถ้าคดีสิ้นสุดเมื่อไหร่แล้วตนได้รับความเป็นธรรม ก็จะนำร่างของแฟนหนุ่มที่ฝังดินเอาไว้ ขึ้นมาเผาตามพิธีกรรมของชาวอาข่าต่อไป
ขณะที่ทางด้านของ พ.ต.ท.สุเทพ เพ็ชรเกิด สารวัตรสอบสวน สภ.ย่อยบางน้ำจืด พนักงานสอบสวนในคดีฯ ก็ชี้แจงให้ผู้เสียหายและผู้สื่อข่าวฟังว่า คดีนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนับแต่วันที่เกิดเหตุ ทั้งตรวจวัตถุพยานสิ่งแวดล้อม,พยานบุคคลแต่ก็ไม่มีใครเห็นช่วงจังหวะที่กำลังชน,ส่งรถไปให้วิทยาการตรวจ,และส่งศพไปให้นิติเวชชันสูตร อีกทั้งในเบื้องต้นยังได้มีการเรียกตัวคนขับรถยนต์กระบะมาสอบปากคำในฐานะพยานด้วย เพราะวันเกิดเหตุคนขับรถยนต์กระบะอ้างว่าไม่ได้ชน แต่การสอบปากคำคนขับจักรยานยนต์อีกคัน ที่ประสบอุบัติเหตุด้วยนั้น ทางคนขับรถจักรยานยนต์คู่กรณีก็ให้การยอมรับว่า ขับรถชนจักรยานยนต์ของหนุ่มสาวชาวอาข่าจริง แต่ต่อมาภายหลังมีพยานบุคคลรายหนึ่งได้ให้การที่เป็นประโยชน์ว่า เห็นด้านท้ายของรถยนต์กระบะไปเฉี่ยวกับรถจักรยานยนต์ของหนุ่มสาชาวอาข่าผู้เสียหายก่อน ทำให้รถจักรยานยนต์ของหนุ่มสาวชาวอาข่าล้มลง แล้วรถจักรยานยนต์ที่กำลังจะแซงขวาก็พุ่งชนอีกที ดังนั้นในคดีนี้จึงต้องมีการสอบปากคำพยานและตรวจสอบวัตถุพยานหลักฐานต่างๆ ให้ชัดเจน เพื่อจะดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดได้อย่างถูกต้อง ซึ่งหลังจากนี้ก็ได้มีการออกหมายเรียกคนขับรถคู่กรณีทั้ง 2 คนมาสอบปากคำอีกครั้ง ในฐานะผู้ก่อเหตุทั้งคู่ แต่ถ้าใครไม่มาก็จะมีการออกหมายจับต่อไป ทั้งนี้ก็คาดว่าจะส่งสำนวนให้อัยการฟ้องได้ก่อนปีใหม่นี้อย่างแน่นอน
พ.ต.ท.สุเทพ เพ็ชรเกิด สารวัตรสอบสวน สภ.ย่อยบางน้ำจืด บอกอีกว่า ขอให้ทางผู้เสียหายและครอบครัวมั่นใจได้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจหรือปล่อยคดีให้ล่าช้า แต่การหาหลักฐานและพยานต่างๆ มาประกอบสำนวนคดีนั้นต้องละเอียด รอบคอบและชัดเจน เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องร้องทั้งทางอาญาและทางแพ่ง ดังนั้นจึงขอให้ผู้เสียหายเข้าใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและมั่นใจความยุติธรรมของกฎหมาย ซึ่งหากมีความคืบหน้าก็จะแจ้งให้ผู้เสียหายได้รับทราบ และหากเรียกคู่กรณีทั้งสองคนมาไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหายได้ ก็จะแจ้งให้ผู้เสียหายเดินทางมาเจรจาไกล่เกลี่ยทันที
ด้านนางสาวอรอนงค์ วิบูลย์พันธ์ทิพย์ ผู้เสียหายกล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ผ่านมาตนเองเพียงแค่ต้องการให้คู่กรณีทั้ง 2 คน มาเจรจาไกล่เกลี่ยกัน แต่กลับไม่เคยมีคู่กรณีคนไหนติดต่อขอเจรจาไกล่เกลี่ยด้วยเลย ซึ่งตนเองเข้าใจว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ แต่ตนก็ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียกับคนที่ตนรัก ดังนั้นจึงต้องขอให้สื่อมวลชนช่วยเพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ตนเองและครอบครัวของแฟนหนุ่ม กับขอให้ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดให้ได้โดยเร็วที่สุด
ภาพ/ข่าว ชูชาติ แดงพยนต์ ทีมข่าวสมุทรสาคร