พ่อร้อง”ปวีณา” ลูกสาว ป.1 ถูกรุ่นพี่ ป.4 ลากเข้าห้องน้ำข่มขืน คลิปหลุดว่อนเน็ต จี้เอาเรื่องถึงที่สุด!

ปทุมธานี พ่อร้องปวีณา ลูกสาว ป.4 ถูกเพื่อนรุ่นพี่ข่มขืนในห้องน้ำโรงเรียน และถ่ายคลิปแชร์ในโซเชียล ขอเอาเรื่องถึงที่สุดเพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่าง จะได้ไม่เกิดขึ้นกับเด็กคนอื่นอีก

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นายชม (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี ชาว จ.นครราชสีมา พา ด.ญ.พลอย (นามสมมุติ) อายุ 7 ปี ลูกสาวซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอความช่วยเหลือและขอความเป็นธรรม กรณี ด.ญ.พลอย (นามสมมุติ) ลูกสาว ถูกรุ่นพี่จำนวน 3 คนในโรงเรียนเดียวกัน ซึ่งอยู่ชั้น ป.4 จำนวน 2 คน คือ ด.ช.หนึ่ง กับ ด.ช.สอง อายุ 10 ปีเท่ากัน และอีกคนคือ ด.ช.สาม รุ่นพี่ชั้น ป.6 อายุ 12 ปี ล่วงละเมิดทางเพศในห้องน้ำของโรงเรียน พร้อมกับถ่ายคลิปขณะก่อเหตุไปเผยแพร่ในโซเชียล

นายชม (นามสมมุติ) กล่าวว่า ตนกับนางพร (นามสมมุติ) แม่ของ ด.ญ.พลอย (นามสมมุติ) เคยอยู่กินกันมานานกว่า 14 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตเป็นผู้ชาย อายุ 13 ปี และคนเล็กก็คือ ด.ญ.พลอย (นามสมมุติ) ต่อมาตนกับนางพร (นามสมมุติ)ได้แยกกันอยู่มาประมาณ 1 ปีแล้ว และต่างคนก็ต่างไปมีครอบครัวใหม่ ส่วนลูกทั้ง 2 คน อาศัยอยู่กับนางพร (นามสมมุติ)

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนเดินทางไปที่บ้านนางพร (นามสมมุติ) เพื่อจะมาเยี่ยมลูกทั้ง 2 คน และได้พบพูดคุยกับแม่ของนางพร (นามสมมุติ) เล่าให้ฟังว่า ด.ญ.พลอย (นามสมมุติ) ลูกสาวของตน ได้ถูกรุ่นพี่ 3 คน ล่อลวงไปล่วงละเมิดทางเพศในห้องน้ำของโรงเรียนและถ่ายคลิปไว้ ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 ม.ค.63 ช่วงเย็นหลังเลิกเรียน โดย ด.ช.หนึ่ง ด.ช.สอง และ ด.ช.สาม ได้หลอกล่อให้ลูกสาวตนไปที่ห้องน้ำของโรงเรียน จากนั้นก็ให้ดูคลิปโป๊ ก่อนที่ ด.ช.หนึ่งกับ ด.ช.สอง จะผลัดกันกระทำกับลูกสาวตน จนสำเร็จความใคร่ ส่วนด.ช.สาม ไม่สามารถสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปได้จึงบังคับให้ลูกสาวตน อมอวัยวะเพศของเขา และ ด.ช.ทั้ง 3 คน ก็ยังมีการถ่ายคลิปเก็บไว้ ซึ่งหลังเกิดเหตุปรากฎว่า คลิปถูกแชร์ลงในโซเชียลจนมีเด็กในโรงเรียนเห็นคลิปแล้วนำคลิปไปบอกผู้ปกครอง

จากนั้นผู้ปกครอง จึงได้นำคลิปไปแจ้งให้ทางโรงเรียนทราบ ก่อนที่ครูและผู้บริหารโรงเรียนจะเรียกเด็กและผู้ปกครองที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาพูดคุย โดยทางโรงเรียนได้ตักเตือน ด.ช.ทั้ง 3 คนที่ก่อเหตุ และสั่งให้ลบคลิปออกให้หมด พร้อมเจรจาไกล่เกลี่ยทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งฝ่ายผู้ปกครองของ ด.ช.ทั้ง 3 คน เสนอจะให้เงินคนละ 3 หมื่นบาท เพื่อที่นางพร (นามสมมุติ) จะได้ไม่ต้องแจ้งความดำเนินคดี ขณะเดียวกันนางพร (นามสมมุติ) ก็ได้ถ่ายคลิปตอนด.ช.ทั้ง 3 คนรับสารภาพไว้ด้วย

นายชม (นามสมมุติ) ยังกล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุนางพร (นามสมมุติ) กลับไปเจรจารับเงินจากทางฝ่ายผู้ปกครองของ ด.ช.ทั้ง 3 คน เป็นเงิน 9 หมื่นบาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จึงมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกสาวตน ซึ่งตนยังได้ไปต่อว่านางพร (นามสมมุติ) พร้อมบอกให้นำเงินไปคืน ซึ่งทีแรกนางพร (นามสมมุติ) ก็รับปากแต่จู่ๆ ก็หายไป ตนไม่รู้จะทำอย่างไร ก่อนตัดสินใจพาลูกมาร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือและอยากให้ดำเนินคดีเพื่อเป็นกรณีตัวอย่าง จะได้ไม่ให้เกิดขึ้นกับเด็กคนอื่นอีก

ทางด้าน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ก่อนพ่อเด็กจะมาร้องทุกข์ที่มูลนิธิฯ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. นางพร (นามสมมุติ) แม่ของ ด.ญ.พลอย (นามสสมุติ) ได้โทรมาขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาฯ ว่าลูกสาวถูกล่วงละเมิดทางเพศจากนักเรียนรุ่นพี่ ชั้น ป.4 และ ป.6 รวม 3 คน ที่ห้องน้ำของโรงเรียนและถ่ายคลิปนำไปลงโซเชียล โดยนางพร (นามสมมุติ) เล่าว่า เมื่อตนทราบเรื่องลูกสาวถูกกระทำจึงไปพบ ผอ.โรงเรียน และได้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยทั้ง 2 ฝ่าย โดยผู้ปกครองของเด็กชายทั้ง 3 คน เสนอจะให้เงินเยียวยาคนละ 3 หมื่นบาท โดยที่ตนเองไม่ต้องไปแจ้งความเนื่องจากทาง ผอ.เกรงจะเสียชื่อโรงเรียน จากนั้นได้มีการทำบันทึกข้อตกลงกันไว้ แต่ตนเห็นว่าเรื่องเงียบไปและเงินก็ยังไม่ได้รับ จึงโทรมาขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ประสานตำรวจขอแจ้งความ นางปวีณาฯ จึงได้บอกกับแม่เด็กว่าไม่ต้องไปรับเงินจากใคร ควรเยียวยาเด็ก ด้วยการฟื้นฟูสภาพจิต ให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาจะดีกว่า เพือไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพราะถือเป็นเรื่องร้ายแรงมาก จากนั้น นางปวีณาฯ จึงได้ประสาน พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เปรมกมล ผกก.สภ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ให้นางพร (นามสมมุติ) พาลูกสาวไปแจ้งความ และหลังจากนางพร (นามสมมุติ) แม่ของ ด.ญ.พลอย (นามสมมุติ) ไปแจ้งความแล้ว ก็ไปรับเงินจากทางฝ่ายผู้ปกครองของ ด.ช.ทั้ง 3 คน พร้อมรับปากจะปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นและไม่เอาเรื่องอีก

ต่อมานางปวีณาฯ ทราบเรื่องจึงได้ประสาน ดร.ชนะ สุ่มมาตย์ ผอ.ศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน สนง.คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ผอ.ฉก.ชน.สพฐ.) ให้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่โรงเรียนดังกล่าว โดยในวันที่ 3 ก.พ. นางปวีณา ได้เชิญทางกระทรวงศึกษาธิการมาประชุมที่มูลนิธิฯ เรื่องหามาตราการเร่งด่วนในการป้องกันแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นอีก โดยกระทรวงศึกษาธิการ สอบถามไปยังศึกษาจังหวัดฯ ปรากฎว่าศึกษาธิการจังหวัดฯ ก็ยังไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่มีใครรายงานมายังกระทรวงศึกษาธิการ ที่ประชุมจึงสรุปว่ากระทรวงศึกษาธิการจะเข้าไปตรวจสอบและหามาตราการแก้ไข

นางปวีณาฯ ยังให้ข้อเสนอแนะให้มีการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยในสถานศึกษา โดยเฉพาะห้องน้ำ อาคารเรียน ห้องเรียน ห้องเรียนที่ไม่ได้ใช้งาน จุดอับ จุดเสี่ยง แหล่งมั่วสุมของนักเรียน พร้อมทั้งจัดให้มีการติดกล้องวงจรปิด สามารถจับภาพได้ทั่ว และมีความพร้อมในการใช้อยู่เสมอ เพื่อป้องกันเหตุไม่ให้เกิดเรื่องซ้ำอีก

ซึ่งในวันนี้ พ่อของ ด.ญ.พลอย (นามสมมุติ) ได้พาลูกสาวเดินทางมามูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเรื่องการดำเนินคดี พร้อมให้ช่วยติดตามเรื่องให้ลูกสาวของเขาได้รับความเป็นธรรม ไม่ใช่รับเงินแล้วปิดคดีโรงเรียนก็ไม่มีการแก้ไข ซึ่งพ่อของ ด.ญ.พลอย (นามสมมุติ) ได้กล่าวว่าจะไม่ยอมเด็ดขาด ตอนนี้ลูกสาวก็อยู่กับพ่อเขา ซึ่งเด็กน่าเป็นห่วงสภาพจิตใจอย่างมาก หลังรับเรื่องร้องทุกข์ นางปวีณาฯ ได้ประสาน ดร.ชนะ สุ่มมาตย์ ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ผอ.ฉก.ชน.สพฐ.) เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว พร้อมแก้ไขปัญหา และหามาตรการป้องกัน พร้อมประสาน พล.ต.ต.สุจินต์ นิจพานิชย์ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เปรมกมล ผกก.สภ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เพื่อให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวผู้เสียหาย พร้อมส่งตัว ด.ญ.พลอย (นามสมมุติ) ไปตรวจร่างกาย และนัดสอบสหวิชาชีพ ดเพื่อสอบเด็กผู้เสียหายและกลุ่มผู้ก่อเหตุ ตามขั้นตอนกฎหมายเพื่อช่วยเหลือให้ถูกต้อง ซึ่ง ด.ช.ทั้ง 3 คน จะต้องมีการบำบัดจิตใจตักเตือนตามกระบวนการยุติธรรมให้เขารับรู้ถึงสิ่งที่กระทำไปนั้นไม่ถูกต้อง เพื่อจะไม่กลับมาทำซ้ำอีก โดยนางปวีณา ได้ประสาน นางอรินท์มาศ กาแก้ว หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.นครราชสีมา ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยดูแลฟื้นฟูสภาพจิตใจ ด.ญ.พลอย (นามสมมุติ) และพาไปตรวจร่างกาย ทั้งนี้มูลนิธิปวีณาฯ จะประสานความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องต่อไป

ภาพ/ข่าว สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม ผู้สื่อข่าวจังหวัดปทุมธานี รายงาน