“กินข้าวทั้งน้ำตา” สุดช้ำลุงวัย 77 ปี ถูกแก๊งค์ต้มตุ๋นเช่าบ้าน-หลอกพาไปดูที่ดินและป้ายยาให้ไปเบิกเงินก้อนเดียวในชีวิต 4 แสนบาท เกือบ 2 เดือนคดีไม่คืบ (มีคลิป)
1 min readสระแก้ว เปิดใจลุงวัย 77 ปี สุดช้ำใจ ถูกแก๊งต้มตุ๋นทำทีหาเช่าบ้าน แต่หลอกพาไปดูที่ดินและให้เบิกเงินสดก้อนเดียวในชีวิต 4 แสนบาท พบพฤติกรรมสุดแสบ ทำงานเป็นทีมครบสูตรเชื่อถูกป้ายยาจนมึนงง ให้ทำอะไรก็ทำให้หมด เข้าร้องเรียนเพื่อเปิดโปงพฤติกรรมให้คนระมัดระวัง หลังเวลาผ่านไปเกือบ 2 เดือนเรื่องยังเงียบ ล่าสุด หลังลูกชายผู้เสียหายนำเรื่องราวไปโพสเฟซบุ๊ก ตำรวจเตรียมนัดไปชี้ตัวและเตรียมออกหมายจับ
นายบรรหาร เปี่ยมทอง อายุ 77 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 ม.6 ต.วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า ถูกแก๊ง 18 มงกุฎ ทำทีออกตระเวนหาบ้านเช่าตามชุมชน โดยอ้างว่า เป็นผู้จัดการธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง มาหาเช่าบ้านเพื่อให้ลูกน้องพักและออกอุบายให้พาไปดูที่ดินเป็นเพื่อน ก่อนจะมีการป้ายยาเพื่อให้มืนงงและหลอกให้ไปเบิกเงินสดจำนวนมากถึง 400,000 บาท ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ม.ค.63 ผ่านไปเกือบ 2 เดือนแล้ว แต่ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ จนลูกชายต้องเอาข้อมูลมาโพสผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อต้องการให้เรื่องราวนี้ เป็นอุทาหรณ์ให้กับชาวบ้านคนอื่น ๆ ไม่ให้หลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว
ลุงบรรหาร เล่าให้ฟังด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่า ตกเป็นเหยื่อของแก๊งค์นี้ หลังติดป้ายให้เช่าบ้าน ภายในซอยบ้านวังจำปี ม.6 เขตเทศบาลเมืองวังน้ำเย็น กระทั่งมีรถเก๋งสีน้ำเงินเข้ม คาดว่า เป็นยี่ห้อฮอนด้ารุ่นแอคคอร์ด ขับเข้ามาเพื่อติดต่อขอดูบ้านและประสงค์จะเช่าบ้าน พร้อมบอกให้ทำความสะอาดเตรียมไว้ กระทั่งวันต่อมา จึงจ้างคนงานและญาติไปทำความสะอาด ช่วงเที่ยงก็นัดมาคุยกันที่บ้านอีกครั้ง จึงให้คนที่ไปทำความสะอาดบ้านไปกินข้าว ส่วนตนเอง คนที่อ้างเป็นผู้จัดการธนาคาร เป็นชายอายุประมาณ 40 ปี แต่งกายภูมิฐาน เสื้อเชิ้ตขาว มีสูทคลุม พร้อมกับหญิงสาวอายุ 30 ปีเศษ เป็นคนขับรถมาด้วยกัน ระหว่างที่จะชวนไปกินข้าวทั้งสองคนขอร้องให้พาไปดูที่ดิน ซึ่งอยู่ในซอยตรงข้าม รพ.วังน้ำเย็น เข้าไปประมาณ 2 กม. ผ่านบ้างวังบูรพา ก่อนถึงบ้านหนองผักหนาม
โดยระหว่างเดินทาง ชายที่อ้างตัวว่า เป็นผู้จัดการธนาคารฯ นั่งอยู่เบาะหลังและตนนั่งหน้าข้างคนขับ คุยกันเรื่องแว่นสายตา ตนก็บอกว่า สายตามัว ๆ ใส่แว่นบ้างไม่ใส่บ้าง คนขับที่เป็นผู้หญิง ก็หยิบแว่นที่เขาใส่มาให้ตนลองสวม พอลองใส่ระยะหนึ่งก็มองเห็นชัดดี เขาก็ใจดีบอกถ้าลุงใส่ได้จะซื้อมาฝาก ครู่เดียวก็รู้สึกมึน ๆ งง ๆ จนรถไปจอดดูที่ดิน ก็มีชายแต่งกายคล้ายชาวไร่ยืนอยู่ ก็มีการสอบถามกัน บอกว่า เป็นเจ้าของที่ดินอยากจะขายที่ดินในราคา 150,000 บาท ถ้าเอาหมดเลย 50 ไร่ จะลดให้ ครู่หนึ่งก็มีคนขับรถตามมาอีกคัน บอกว่า เป็นคนจะซื้อที่ดิน ตกลงกันพักเดียวว่า จะซื้อโดยมีค่านายหน้าและส่วนต่างราคาที่ลดให้ไร่ละ 40,000 หากได้จะแบ่งกัน 4 คน แต่คนที่อ้างเป็นเจ้าของที่ดิน มีข้อแม้ว่า ที่ดินติดจำนองธนาคารอยู่ ต้องเอาเงินไปไถ่ถอนก่อน
“คนซื้อบอกมีเงินมาไม่พอ คนขับผู้หญิงบอกว่า ตัวเองมีแค่ 3 แสนบาท หันมาถามลุงว่า ลุงมีเท่าไหร่ ลุงก็ไม่รู้ว่า ตอบเขาไปเท่าไหร่ แต่เรามีเงินในบัญชี 4 แสนกว่าบาท กลายเป็นเรายอมทำตามที่เขาบอกหมดเลย พร้อมกับพาเขากลับมาที่บ้านเพื่อเอาสมุดบัญชีธนาคาร มาถึงบ้านน้องสาวทักว่า กินข้าวหรือยัง ก็ไม่ยอมคุยกับเขาด้วยนะ เข้าบ้านไปเอาสมุดบัญชีออกมา คนที่บอกเป็นผู้จัดการถามคำเดียวเป็นชื่อลุงหรือเปล่า จึงเอาสมุดให้ดู เขาบอกว่า เบิกได้ แล้วก็พากันไปที่ธนาคาร ธกส.เลย โดยเขาจอดรถอยู่เลนกลางแล้วนั่งในรถ มีเจ้าของที่ดินไปด้วย ให้ลุงไปเบิกคนเดียว เบิกเงินมาสด ๆ 400,000 บาท ให้พนักงานเขียนและเซ็นต์เบิกไป พนักงานไม่ถามซักคำว่า เบิกไปทำอะไร ทุกทีจะถาม ได้เงินเขาก็เอาใส่ถุงสีน้ำตาลถือออกมาที่รถ ยื่นให้ผู้จัดการไปเลย หลังจากนั้นเขาก็ไปกลับรถวิ่งมาวิ่งเลนคู่ขนาน จนถึงร้านเครื่องเขียนฝั่งตรงข้ามห้างบิ๊กซี เขาถามว่า ลุงเอาบัตรประชาชนมาไหม ช่วยลงไปถ่ายเอกสารให้หน่อย แล้วเขาก็บอกว่า จะไปเอาเอกสารที่ดินก่อน เมื่อลงไปเขาก็ออกรถไปเลย ร้านนั้นขายแต่เครื่องเขียน ถ่ายเอกสารไม่ได้ ออกมาก็โทรไปถามมันนะ มันบอกว่า รออีกซัก 1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง แล้วก็ไม่กลับมาเลย กระทั่งต้องนั่งรถตุ๊ก ๆ กลับมาบ้านเอง มารู้ตัวอีกทีตอนคุยกับน้องสาวและญาติจึงรู้ว่า ถูกหลอก มานั่งน้อยใจว่า เสียทีเค้าแล้ว ต่างคนก็ต่างร้องไห้ ” ลุงบรรหารเล่า
หลังเกิดเหตุ ลุงบรรหารและน้องสาว ได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ช่วงเย็นของวันเดียวกัน 7 ม.ค.63 ซึ่งตำรวจรับแจ้งความพร้อมกับสอบถามรายละเอียดก่อนจะให้กลับบ้านไป กระทั่งหลังจากนั้นก็เรียกไปให้รายละเอียดและชี้ภาพผู้ต้องสงสัยจากภาพบัตรประชาชน แล้วก็เงียบหายไปตั้งแต่บัดนั้น ลุงบรรหาร บอกอีกว่า เงินก้อนนี้เป็นเงินก้อนสุดท้ายของชีวิต กะว่าจะไม่ซื้ออะไรแล้ว ไร่สวนก็ไม่ได้ทำแล้ว กะว่าตัวเองตาย ก็จะให้ลูกคนละ 1 แสน 4 คน ไม่ได้คิดอะไรแล้ว เดี๋ยวผมก็จะตายแล้ว ไปเบิกให้เขาโดยไม่รู้สึกอะไรเลย มาอยู่บ้านได้ 1 คืน สั่นและเครียดมาก ตอนนี้เดือดร้อนมาก ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว เก็บหอมรอมริบมา บางครั้งก็นั่งน้อยใจร้องไห้คนเดียว ชีวิตนี้ผมอยู่ก็ไม่มีให้ลูกแล้ว นั่งคิดไปต่าง ๆ นานา เพราะเป็นเงินก้อนเดียวในชีวิต กะจะทิ้งไว้ให้ลูก ถ้าเราตายไปมันยังคิดได้ว่า พ่อยังทิ้งเงินไว้ให้ก่อนตาย
“อยากให้เอามาคืนลุงซะ อยากให้จับได้ ไม่ให้ไปทำกับคนอื่นอีก เงินตัวนี้มันหามาตลอดชีวิตผม ทั้งบัญชีก็มีแค่นี้ล่ะ อยากจะบอกกับคนที่ทำว่า ขอให้เอากลับมาให้ลุงเถอะ ลุงเดือดร้อน เงินทั้งหมดก็มีแค่ที่เห็นในบัญชี ตอนจะเบิกก็เอาให้ดู มันก็รู้ว่าบัญชีเรามีเท่านี้ ซึ่งเขาก็เอาไปหมด เอามาคืนให้ลุง เอาไปซักแสนสองแสนก็จะให้ ขอให้คืนซักครึ่งหนึ่งก็ยังดี แล้วจะไม่เอาประวัติไม่เอาโทษเอาภัยอะไรเลย ให้เอามาคืนให้ด้วย เงินส่วนนี้ก็จะเอาไว้ให้ลูกหลังผมตาย” ลุงบรรหารกล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีการนำกรณีของลุงบรรหารมาโพสทางเฟซบุ๊ก ปรากฏว่า ทางพนักงานสอบสวน สภ.วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ได้ประสานไปทางญาติของผู้เสียหาย เพื่อแจ้งให้ทราบความคืบหน้าและเตรียมนัดผู้เสียหายไปให้ข้อมูลและชี้เบาะแสแก๊งต้นตุ๋นกลุ่มนี้อีกครั้ง หากข้อมูลตรงกันกับที่ชุดสืบสวนเก็บรวบรวมได้ ก็สามารถยื่นเรื่องต่อศาลจังหวัดสระแก้ว เพื่อออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้ทันที
ภาพ/ข่าว นายยุทธนา พึ่งน้อย ผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว