สว.ทช.เปิดตัวน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสวิด 19 สูตรปราศจากแอลกอฮอล์ (มีคลิป)
1 min readเมื่อช่วงสายวันที่ 6 มีนาคม 2563 ที่อาคารกลุ่มนวัตกรรม 2 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หน.ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย นายอภิวัฒน์ เฟื่องฟู กก.บ.เลกาซี่ ไพร์ม เมด จก. และ รศ.ดร.นพ.กำพล ศรีวัฒนกุล ปธ.กก.และผู้ก่อตั้ง บ.เอวีเอส อินโนเวชั่น จก. ภายใต้อุทยานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าว การพัฒนาสูตรน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัส ภายใต้เทคโนโลยี “i-Sol+ Tech” ที่ปราศจากแอลกอฮอล์เพื่อเป็นอีกทางเลือกของคำตอบในการกำจัดไวรัสชนิดต่างๆรวมถึงโคโรนาไวรัสได้ถึง 99% ออกฤทธิ์ปกป้องพื้นผิวนานถึง 24 ชม. พกพาสะดวก ฉีดได้ทั้งหน้ากาก และพื้นผิวสัมผัสต่างๆ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการปกป้องและฆ่าเชื้อไวรัส พร้อมร่วมสนับสนุนบริจาคผลิตภัณฑ์หนึ่งล้านมิลลิลิตรแรก ให้กับหน่วยงานภาครัฐด้านการแพทย์ ทั้งในไทยและในประเทศจีน เพื่อเป็นอีกหนึ่งแรงที่ร่วมสนับสนุนมาตรฐาน การควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรค และสุขภาวะที่ดีของประชาชน
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หน.ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสในประเทศไทยว่า “จะเห็นว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีโรคใหม่ๆ จากเชื้อโรคสายพันธุ์แปลกๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนน่าตกใจ หรือที่เรียกว่า โรคอุบัติใหม่ (EMERGING DISEASE) อาทิ ไวรัสซิกา ไวรัสอีโบลา ไวรัสเมอร์ส เป็นต้น ซึ่งในผู้ป่วย 100 คน พบว่ามีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ที่สามารถระบุได้ว่าป่วยด้วยเชื้อโรคหรือไวรัสชนิดใด ทำให้ยากต่อการวินิจฉัย และรักษาโรคได้ทันท่วงที ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จึงถือเป็นหน่วยงานสำคัญที่เป็นความหวังของประเทศในการควบคุมป้องกัน และรับมือกับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19(COVID-19)ในขณะนี้ ตัวแปรสำคัญในการแพร่กระจายเชื้อหลักๆ คือ 1.บุคคลที่ปล่อยเชื้อโดยที่ตนเองไม่รู้ตัว 2.กิจกรรม ที่บุคคลที่ติดเชื้อเข้าไปมีส่วนร่วม และ 3.กิจกรรมที่มีคนจำนวนมากอยู่กันระยะเวลานาน ทุกคนมีโอกาสที่จะติดได้มากขึ้น เชื้อโควิด-19 มีความอันตรายมาก และเป็นสาเหตุการเสียชีวิต ไม่เพียงพบแต่กับผู้สูงอายุ แต่สามารถพบได้ในคนหนุ่มสาว คนทุกวัยมีความเสี่ยงในการรับเชื้อและเกิดอาการรุนแรงได้หมด จึงอยากให้ประชาชนทั่วไปตระหนักถึงการป้องกัน และยังต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ฯ กล่าว
ด้าน รศ.ดร.นพ.กำพล ศรีวัฒนกุล ปธ.กก.และผู้ก่อตั้ง บ.เอวีเอส อินโนเวชั่น จก. ภายใต้อุทยานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ที่ได้มีการแพร่กระจายไปทั่วโลก และเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น เพื่อเป็นการควบคุมการระบาด และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต รวมทั้งลดความตื่นตระหนกของประชาชน จำเป็นต้องมีนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส และเชื้อโรคชนิดต่างๆไม่ให้กระจายวงกว้างมากขึ้น และต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประชาชนสามารถใช้ได้อย่างทั่วถึงและไม่เกิดอันตราย โดยเห็นว่าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแอลกอฮอล์ที่มีอยู่ในตลาดแม้ว่าจะมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคได้ดี และได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกว่าสามารถฆ่าเชื้อโคโรนาได้นั้น แต่แอลกอฮอล์ออกฤทธิ์ฆ่าได้ไม่เกิน 1 นาที เนื่องจากสามารถระเหยได้ง่าย อีกทั้งมีประชาชนเป็นจำนวนหนึ่งที่เกิดอาการแพ้ ผิวแห้ง ทำให้เป็นข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าว เพื่อให้มีทางเลือกของผลิตภัณฑ์ป้องกันเชื้อไวรัสที่มากขึ้น ทางบริษัทจึงได้พัฒนาเทคโนโลยี i-Sol+ Tech (ไอโซ-เทค) สิทธิบัตรเฉพาะของบริษัท ซึ่งเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสปราศจากแอลกอฮอล์ มีสารออกฤทธิ์สำคัญที่ National Environment Agency (NEA) ได้ให้คำแนะนำว่าเป็นสารที่สามารถฆ่าเชื้อโคโรนาไวรัสได้ นอกจากนี้ โดยสิทธิบัตรที่จำเพาะของบริษัทที่ได้ใช้เทคโนโลยีนาโนในการสร้างอนุภาคไอออนเพื่อทำลายเมมเบรนที่ห่อหุ้มและสารพันธุกรรมของไวรัสทำให้ไวรัสตายในที่สุด ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้สามารถฆ่าเชื้อไวรัสทั้งแบบมีเปลือกห่อหุ้ม (enveloped virus) และไม่มีเปลือกห่อหุ้ม (ไวรัสเปลือย) (non-enveloped virus) โคโรนาจัดเป็นไวรัสกลุ่มมีเปลือกห่อหุ้ม เมื่อฉีดสามารถออกฤทธิ์นานถึง 24 ชม. ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ (alcohol-based) เป็นหลัก จึงถือเป็นเทคโนโลยีที่คิดค้นโดยนักวิทยาศาสตร์และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของประชาชนในการรับมือและป้องกันตัวเองจากไวรัสโคโรนา
“นวัตกรรมใหม่นี้ เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักจึงเหมาะกับทุกคนแม้แต่ผู้ที่แพ้ง่าย ผู้ใช้สามารถฉีดสเปรย์ลงบนหน้ากากและพื้นผิวสัมผัสต่างๆเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการปกป้องและฆ่าเชื้อไวรัส หน้ากากอนามัย สำหรับผู้ที่ใช้หน้ากากอนามัยประเภทซักได้ สามารถเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการนำกลับมาใช้ซ้ำโดยการซักทำความสะอาด และฉีดสเปรย์ลงบนหน้ากากเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องและฆ่าเชื้อไวรัสก่อนใช้งานทุกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่หน้ากากอนามัยขาดตลาด และยังเป็นการช่วยลดขยะจากหน้ากากอนามัยได้อีกด้วย” รศ.ดร.นพ.กำพล ฯ กล่าว
นายอภิวัฒน์ เฟื่องฟู กก.บ.เลกาซี่ ไพร์ม เมด จก. (Legacy Prime Med) กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มีนโยบายหลักในการสนับสนุนศักยภาพของงานวิจัยจากนักวิจัยไทย จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 บริษัทฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญต่อการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้ให้การสนับสนุนการวิจัย และพัฒนาร่วมกับนักวิจัยของ บ.เอวีเอส อินโนเวชั่น จก. ภายใต้อุทยานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสและเชื้อโรคภายใต้เทคโนโลยี i-Sol+ Tech (ไอโซ-เทค) ซึ่งเป็นนวัตกรรมสูตรน้ำสำหรับฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และ เชื้อรา เพื่อการเข้าถึงสุขภาวะที่ดีของทุกคน โดยน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสดังกล่าว ปราศจากแอลกอฮอล์และอยู่ภายใต้สิทธิบัตรของ บ.เลกาซี่ ไพร์ม เมด จก.
“ก่อนจะเริ่มดำเนินการจัดจำหน่ายภายในเดือนมีนาคมนี้ บริษัทฯ ได้มีการแสดงเจตนารมณ์ในการบริจาคให้กับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องสำหรับนำไปใช้ประโยชน์ต่อสาธารณชน โดยจะมอบให้กับหน่วยงานภาครัฐด้านการแพทย์ทั้งในไทยและในประเทศจีน อาทิ กรมการแพทย์ทหารบก ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย อุทยานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยนเรศวร และ โรงพยาบาลในประเทศจีน รวมหนึ่งล้านมิลลิลิตร” นายอภิวัฒน์ ฯ กล่าว
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่จะวางจำหน่าย มีให้เลือก 3 ขนาด ขนาดพกพา 20 มล. ขนาด 250 มล. สามารถใช้ได้ในบ้าน และขนาดใหญ่ 1,000 มล. เพื่อใช้ภายในสำนักงานหรือองค์กร โดยข้อมูลการจำหน่ายสามารถติดตามได้ที่ www.isoltechspray.com
นอกจากนี้เพื่อเป็นการสานต่อนโยบายของ บ.เลกาซี่ ไพร์ม เมด จก. ในการสนับสนุนการคิดค้นและพัฒนางานวิจัย ภายในงานยังได้จัดให้มีพิธีลงนามความร่วมมือด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสและเชื้อโรค ระหว่าง บ.เลกาซี่ ไพร์ม เมด จก. โดยนายอภิวัฒน์ เฟื่องฟู กก.ผจก.ใหญ่ และ นายชิงตะ แซ่หว่าง กก.บริษัท และ บ.เอวีเอส อินโนเวชั่น จก. ภายใต้อุทยานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย โดย นายอนุวัฒน์ หลายกิจรุ่ง ปธ.จนท.บห. และ ดร.สรวง สมานหมู่ ปธ.จนท.ฝ่ายปฏิบัติการ ร่วมลงนามความร่วมมือทั้ง 2 หน่วยงานอีกด้วย
ภาพ/ข่าว สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม รายงาน