สมุทรสาคร ต่างด้าวไม่ขยับไม่หนีกลับบ้าน เชื่อเหตุมาจากมาตรการรัฐ 2 ประเทศ
1 min readพ.ต.อ.เอกนรินทร์ สุวรรณทา ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงผลกระทบจากสถานการณ์การแรงงานต่างด้าวไหลกลับประเทศต้นทางในช่วงของเทศกาลสงกรานต์ และสถานการณ์โควิด-19 ในขณะนี้ว่า นับจากต้นเดือนมกราคม 2563 ถึงวันที่ 23 มีนาคม 2563 นั้น ความเคลื่อนไหวของแรงงานต่างด้าวในจังหวัดสมุทรสาคร แทบไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ โดยแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ได้มาทำเรื่องไว้เพื่อยื่นขออนุญาตเดินกลับประเทศราวๆ เกือบ 20,000 คน แยกเป็น เดือนมกราคม จำนวน 5,660 คน เดือนกุมภาพันธ์ จำนวน 5,367 คน และวันที่ 1 มีนาคม – 23 มีนาคม จำนวน 4,556 คน ซึ่งในเดือนมีนาคมนี้ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากมีประกาศไม่หยุดงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และประกาศมาตรการควบคุมพื้นที่ของรัฐบาลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 สายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด – 19 นั้น แทบไม่มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่มาขออนุญาตเดินทางกลับประเทศเลย และในจำนวนเกือบ 20,000 คน ที่มายื่นขออนุญาตไว้เพื่อเดินทางกลับประเทศนั้น ก็ใช่ว่าจะเดินทางกลับทั้งหมด เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่มายื่นขออนุญาตไว้ตามสิทธิ์ แต่จะกลับหรือไม่กลับก็ได้ และยังมีอีกบางกลุ่มที่ไปขออนุญาตเดินทางเข้าออกที่ด่านผ่านชายแดนด้วย
พ.ต.อ.เอกนรินทร์ สุวรรณทา ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุที่แรงงานไม่ค่อยเคลื่อนไหว ในการเดินทางขอกลับประเทศต้นทางช่วงนี้ ก็เชื่อได้ว่าน่าจะมาจากมาตรการของรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ที่ขอความร่วมมือไม่ให้แรงงานต่างด้าวเดินทางเข้าและออกในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และในช่วงที่สถานการณ์โรคโควิด-19 ยังไม่คลี่คลายลง โดยทางประเทศเมียนมาก็ประกาศปิดด่านแม่สอด ขณะที่ทางประเทศไทยก็ประกาศไม่ให้หยุดงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ นอกจากนี้ทางผู้ประกอบการก็มีข้อบังคับของสถานประกอบการแต่ละแห่งอีก โดยหากแรงงานคนไหนเดินทางกลับประเทศ เมื่อกลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง จะต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วันก่อน ถึงจะอนุญาตให้เข้าทำงานได้ จึงทำให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่กลับประเทศและทำงานในประเทศไทยต่อไปตามปกติ
ข้อมูลของผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรสาคร สอดคล้องกับคำพูดของนายปรีชา ศิริแสงอารำพี ประธานบริหารตลาดทะเลไทย ตลาดผู้ค้าอาหารทะเลสดรายใหญ่ที่สุดในพื้นที่ภาคกลาง ที่เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า แม้จะมีสถานการณ์โควิด-19 และรัฐบาลไทยประกาศไม่ให้หยุดงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น ก็ไม่ได้มีผลกระทบใดๆ ต่อผู้ใช้แรงงานต่างด้าวในจังหวัดสมุทรสาคร เพราะแรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่ในทุกประเภท ตั้งแต่รับจ้างเข็นผักเข็นปลา ไปจนถึงในสถานประกอบการ ยังคงทำงานกันตามปกติ ไม่มีการหนีกลับบ้าน โดยแต่ละคนเข้าใจดีว่าไม่สามารถที่จะกลับไปได้จริงๆ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง เมื่อไม่ได้กลับบ้านก็ทำงานหาเงินต่อไป
ขณะที่นายสมพงษ์ สระแก้ว ผู้อำนวยการของมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า แรงงานต่างด้าวพอจะเข้าใจถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ดี ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังไม่คิดที่จะเดินทางกลับบ้านในช่วงของเทศกาลสงกรานต์ หรือช่วงที่โรคโควิด19 กำลังระบาดในประเทศไทย เพราะเป็นมาตรการของรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ อีกทั้งยังกลัวว่าจะนำเชื้อโรคไปสู่คนในประเทศของเขาด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของการต่อใบอนุญาตทำงานที่ยังไม่เรียบร้อย ทุกคนจึงยังคงทำงานกันไปตามปกติ แต่ในส่วนของแรงงานต่างด้าวที่ขอเดินทางกลับประเทศในช่วงนี้ ก็บ่งบอกได้อย่างหนึ่งว่า กลุ่มคนเหล่านี้อาจจะไม่กลับเข้ามาในประเทศไทยอีกแล้ว แต่ในส่วนของแรงงานต่างด้าวที่ยังคงอยู่ในประเทศไทยนั้น กลับมีความกังวลในเรื่องของการต่อใบอนุญาตทำงานที่คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จไม่ทันภายในช่วงเวลาที่กำหนดคือวันที่ 31 มีนาคม 2563 มากกว่าเรื่องของโรคโควิด19 จึงอยากให้รัฐบาลไทยขยายเวลาหรือมีมาตรการเพื่อการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวที่ชัดเจน
ด้านแรงงานเมียนมารายหนึ่งบอกว่า แม้ตนเองจะอยากกลับประเทศมากแค่ไหน แต่ช่วงนี้ก็ยังกลับไม่ได้ เพราะสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดในขณะนี้ ทำให้ประเทศเมียนมามีการประกาศปิดชายแดนทางแม่สอด จึงไม่สามารถข้ามไปยังฝั่งประเทศต้นทางได้ อีกทั้งทางโรงงานก็ไม่ปิดในช่วงสงกรานต์ ส่วนทางด้านเพื่อนร่วมชาติหลายๆ คนที่ทำงานในประเทศไทยแล้วยังดำเนินการเรื่องการต่อวีซ่าไม่เรียบร้อย จึงยังคงต้องอยู่ในพื้นที่ไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ ซึ่งก็คงต้องรอให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายก่อน จึงจะขอหยุดงานเพื่อลากลับไปบ้าน