ปชช.ขานรับมาตรการเข้มบังคับใช้แมส ด้านผู้ว่าเผยใส่แล้วปลอดภัย – ไม่ปรับ
1 min readตามที่นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร ได้ลงนามในคำสั่งจังหวัดสมุทรสาคร เรื่อง มาตรการลดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ฉบับที่ 2 เกี่ยวกับมาตรการบังคับใช้หน้ากากอนามัย(แมส) ทั้งแบบผ้าหรือแบบแพทย์ ให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด โดยให้ประชาชนทุกคนภายในจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปฏิบัติงานในร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด สถานประกอบการ เป็นต้น และ ให้สถานที่ที่มีประชาชนไปใช้บริการ เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด สถานประกอบการ เป็นต้น มีมาตรการลดการแพร่เชื้อ โดยกำหนดให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หากประชาชนไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า สามารถปฏิเสธการให้บริการ รวมทั้งต้องมีจุดคัดกรองอุณหภูมิก่อนเข้าอาคาร การวางแอลกอฮอล์เจลไว้ให้บริการ เว้นระยะห่างตามมาตรการทางสังคม (Social Distancing) ซึ่งในกรณีผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งมีบทกำหนดโทษตามนัยมาตรา 51 ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ทั้งนี้ก็เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยังคงพบการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ประกอบกับยังมีประชาชนที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกัน โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นั่นเอง
ด้านประชาชนที่อาศัยอยู่ในตัวเมืองสมุทรสาคร ก็มีความคิดเห็นในประกาศฉบับนี้คล้ายๆกันคือ เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว แต่ก็อยากจะให้มีการแจกหน้ากากอนามัยที่เข้าถึงประชาชนเพิ่มมากขึ้น และอยากให้มีการควบคุมราคาหน้ากากอนามัยในท้องตลาดไม่ให้มีการขายแพงอีกด้วย
คนขับรถตุ๊กๆ บอกว่า เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว เพราะจะช่วยในเรื่องของการป้องกันการแพร่เชื้อจากผู้ป่วยสู่คนอื่น ซึ่งทุกวันนี้ในส่วนของผู้ขับรถตุ๊กๆ ก็มีการดูแลตัวเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัย และใช้เจลล้างมือ ขณะที่ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ก็จะสวมหน้ากากเกือบทั้งหมด ซึ่งมาตรการที่ออกมาก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับพวกตน เพราะทุกวันนี้ก็ใส่กันอยู่แล้ว แต่ที่อยากจะให้หน่วยงานภาครัฐลงมาดูแลคือ การแจกหน้ากากอนามัยให้ทั่วถึง และการควบคุมราคาไม่ให้สูงหรือแพงมากเกินไป ซึ่งก็จะช่วยให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย มีกำลังการซื้อแมสมาสวมใส่ได้
ด้านคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง บอกว่า เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว เพราะจะช่วยในเรื่องของการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคโดยเฉพาะในช่วงที่มีการพูดคุยกัน
นางสาวกัญยารัตน์ ปิ่นสากล ประกอบอาชีพผู้สื่อข่าวท้องถิ่น บอกว่า มาตรการนี้ดี เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ประชาชนทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยไม่ว่าจะแบบไหนก็ตาม ถ้าไม่ใส่หน้ากากอนามัยแสดงว่าคุณไม่รักตัวเอง จะไปกลัวทำไมกลับมาตรการปรับ 2 หมื่นบาท ถ้าเราเป็นคนที่ใส่แมสอยู่แล้ว
ส่วนนายนิวัฒน์ ขวัญบุญ นายกเทศมนตรีเมืองกระทุ่มแบน ในฐานะตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กล่าวว่า ปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งได้ดำเนินการจัดทำหน้ากากอนามัยแบบผ้า เพื่อแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ แต่อาจจะมีเร็วบ้างช้าบ้างขึ้นอยู่กับการจัดสรรงบประมาณ การจัดหาอุปกรณ์ที่ค่อนข้างจะยากลำบาก และความชำนาญของผู้ที่ลงมือทำหน้ากากอนามัยแบบผ้า แต่ทั้งนี้ก็เชื่อมั่นได้ว่าผู้นำท้องถิ่นทุกคนมีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับโรคนี้เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ซึ่งหากท่านใดที่ไม่ได้รับหรือไม่มีหน้ากากอนามัยกับเจลล้างมือ ก็สามารถไปติดต่อขอรับได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ท่านอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้น
ขณะที่นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวยืนยันว่า มาตรการการใช้หน้ากากอนามัยนั้น ยังคงเป็นไปตามประกาศคือบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน – 30 เมษายน 2563 มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท แต่อัตราโทษสูงสุดดังกล่าวไม่ใช่ว่าจะนำมาใช้ปรับในทันที ซึ่งเรื่องของโทษปรับนั้นจะได้มีการประชุมหารือร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อกำหนดอัตราโทษในแต่ละลำดับขั้น แต่ละฐานความผิดว่าจะต้องดำเนินการปรับเท่าไหร่ ส่วนผู้ที่มีหน้าที่ดำเนินการปรับได้คือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และผู้ที่ได้รับมอบอำนาจตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งในส่วนเรื่องของโทษปรับก็ไม่อยากให้พี่น้องประชาชนต้องไปวิตกกังวลแต่อย่างใด เนื่องจากกฎที่ออกมานั้นจะไม่มีผลเลยกับผู้ที่ปฏิบัติตนสวมใส่หน้ากากอนามัยเป็นปกติอยู่แล้ว
นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า มาตรการเรื่องการบังคับสวมใส่หน้ากากอนามัยแบบผ้า หรือแบบแพทย์นั้น เป็นมาตรการที่ออกมาเพื่อให้พี่น้องประชาชนใส่ใจดูแลตัวเองและคนในครอบครัวนั่นเอง ไม่ได้ออกมาเพื่อซ้ำเติมความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนแต่อย่างใด ซึ่งแม้หน้ากากแบบผ้าจะมีคุณภาพการป้องกันไม่เท่ากับหน้ากากอนามัยแบบแพทย์ แต่ปัจจุบันทั้งข้าราชการ หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ให้การรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 นั้น ก็ใช้หน้ากากอนามัยแบบผ้าในการป้องกันเชื้อโรคที่มากับสารคัดหลั่งเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นจึงขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนหันมาสวมใส่หน้ากากอนามัยแบบผ้าก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง และสวมใส่ในทุกสถานที่ หากท่านรักตัวเอง รักครอบครัว ก็ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการของจังหวัดสมุทรสาครอย่างเคร่งครัด แล้วทุกคนจะผ่านพ้นวิกฤติโรคไวรัสโควิด-19 ไปได้อย่างแน่นอน
ภาพ/ข่าว ชูชาติ แดงพยนต์ ทีมข่าวสมุทรสาคร