หนุ่มใหญ่ขับรถจักรยานยนต์พุ่งชนท้ายรถบรรทุก 18 ล้อ ดับคาที่!!
1 min readเมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 3 เมษายน พ. ศ. 2563 ร.ต.ท.ภาคภูมิ วัฒนศิริ รองสว.(สอบสวน) สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเหตุมีรถจักรยานยนต์พุ่งชนท้ายรถบรรทุก 18 ล้อมีผู้เสียชีวิตในบริเวณจุดเกิดเหตุจึงประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา และสมาคมอยุธยารวมใจหน่วยกู้ภัยอยุธยา สนับสนุนในที่เกิดเหตุและรีบรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุบริเวณถนนสายเอเชียขาล่องเข้ากรุงเทพฯช่วงหลักกิโลเมตรที่ 16 + 400 หน้าบริเวณบริษัทโอสถสภาในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นชายมีบาดแผลขนาดใหญ่ที่บริเวณใบหน้าและศีรษะจากการตรวจสอบไม่พบเอกสารใดๆเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตโดยผู้เสียชีวิตนั้นสวมใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงขาสั้นสีเขียวขี้ม้าในตัวผู้เสียชีวิตพบเพียงโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องสีม่วง โดยที่บริเวณลำตัวของผู้เสียชีวิตนั้นมีรอยสักเป็นรูปปลาคราฟขนาดใหญ่ และใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ tiger รุ่นretro 110 สีชมพู หมายเลขทะเบียน ขฉร 63 พระนครศรีอยุธยา สภาพรถด้านหน้าพังยับเยินอยู่บริเวณช่องฐานด้านซ้ายและเลยไปอีกประมาณ 20 เมตรพบรถบรรทุก 18 ล้อยี่ห้อ isuzu สีขาวหมายเลขทะเบียน 71-0877 เพชรบุรี ป้ายเหลือง จอดอยู่ชิดไหล่ทางด้านซ้ายที่บริเวณช่วงด้านท้ายรถข้างขวาพบลักษณะถูกชนจนบังโคลนด้านขวาพับติดกับช่วงบริเวณล้อ
จากการสอบถามผู้ขับขี่รถบรรทุก 18 ล้อชื่อนายประเสริฐ อายุ 34 ปี เล่าให้ฟังว่าตนเองนั้นมารับสินค้าที่ภายในบริเวณบริษัทโอสถสภาจำกัดซึ่งอยู่ใกล้ในจุดเกิดเหตุเมื่อตนได้นำสินค้าขึ้นรถบรรทุกเรียบร้อยแล้วต้นจึงได้ขับรถคันดังกล่าวออกจากบริษัทพอถึงช่วงจะเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนหลักตนได้มองฝั่งขวาก็พบว่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวอยู่ห่างจากตนมากจึงได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายเพื่อจะขึ้นสู่ถนนหลักช่วงจังหวะที่ตอนนั้นตนได้ขับรถเข้าสู่ช่องทางหลักเรียบร้อยแล้วจู่ๆก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรมาพุ่งชนที่บริเวณด้านท้ายรถอย่างแรงจึงได้ตัดสินใจจอดรถชิดที่บริเวณไหล่ทางด้านซ้ายและจึงรีบลงมาดูที่บริเวณด้านท้ายรถก็พบกับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวพุ่งเข้ามาชนจนทำให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว
ทางด้านพนักงานสอบสวนกล่าวว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์อาจจะมองไม่เห็นรถบรรทุกที่กำลังออกจากซอยเพื่อจะเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหลักจึงทำให้พุ่งชนเข้าที่บริเวณท้ายรถอย่างจังจนทำให้เสียชีวิตดังกล่าวก่อนที่จะเชิญตัวผู้ขับขี่รถบรรทุกไปสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้อย่างละเอียดอีกครั้งในส่วนของผู้เสียชีวิตนั้นไม่พบหลักฐานใดๆในตัวผู้ขับขี่จึงยังไม่ทราบว่าผู้ขับขี่นั้นเป็นใครมาจากไหนและกำลังจะไปที่ใดจึงได้มอบให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างของผู้เสียชีวิตชันสูตรเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตในครั้งนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง
ภาพ/ข่าว สุนทร สอนแสนสุข ผู้สื่อข่าวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา