ป้าน้ำตานองฟอกไตเดินไม่ได้ ฝากจนท.รพ.กดเงินสุดท้ายเงินหาย 5 พัน (คลิป)
1 min readป้าวัย 54 ปี ป่วยติดเตียงถึงกับน้ำตานอง หลังเดินทางมาฟอกไตที่โรงพยาบาลในตัวเมือง แล้ววานให้พนักงานในโรงพยาบาลไปกดเงินที่ลูกสาวโอนมาให้หมาดๆ 6,000 บาท พนักงานโรงพยาบาลกลับมาแจ้งเหลือเงินเพียง 1,000 เป็นงงตรวจสอบเงินพบมีการกดเงินไป 2 ครั้ง หายไป 5,000 บาท ช้ำใจเงินที่ลูกสาวส่งมาจะเอาไปใช้หนี้ค่านมหลาน ขณะโรงพยาบาลระบุยังตรวจสอบไม่ได้
วันที่ 23 เม.ย. 63 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายรวย โพนรัมย์ อายุ 57 ปี และ น.ส.สุนันท์ หะพินรัมย์ อายุ 54 ปี สองสามีภรรยา อยู่เลขที่ 208 หมู่ 3 ต.ศรีภูมิ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ว่าอยากให้ช่วยตรวจสอบ หลังเงินในบัญชีได้หายไป 5,000 บาท หลังวานให้พนักงานเปล โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เอาบัตร ATM ที่ตนฝากไปกดเงินมาเป็นค่ารถกลับบ้านระหว่างมาฟอกไต
จากการตรวจสอบพบ น.ส.สุนันท์ หะพินรัมย์ นั่งรถเข็นรอขึ้นของ อบต.ศรีภูมิ ที่มารอรับกลับบ้าน ที่บริเวณข้างโรงพยาบาล โดย น.ส.สุนันท์ เล่าว่า ตนเองป่วยเป็นโรคไต เดินไม่ได้มานานกว่า 7 ปี ภายในหนึ่งสัปดาห์ จะต้องเดินทางมาฟอกไตที่โรงพยาบาลแห่งนี้อาทิตย์ล่ะ 3 ครั้ง ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่าย โดยอาศัยรถกู้ชีพของ อบต.ศรีภูมิ มาส่งให้ฟรีเพราะตนมีฐานะยากจน
เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนก็เดินทางมาฟอกไตตามหมอนัด ระหว่างทางลูกสาวได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าได้โอนเงินมาให้จำนวนเงิน 5,800 บาท เพื่อเอาไปใช้หนี้ค่านมหลาน คือลูกของลูกสาวที่โอนเงินมาให้ เพราะค้างค่านมกับร้านในหมู่บ้านเอาไว้ ส่วนหนึ่งให้เอาไปเป็นค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว
หลังจากฟอกไตเสร็จ ตนวานเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลทราบต่อมาเป็นพนักงานเปล ชื่อต้น อายุประมาณ 34 ปี ไปกดเงินมาให้ 1,000 บาท ที่ตู้ ATM หน้าโรงพยาบาล เพื่อมาเป็นค่าใช้ จ่ายจากนั้นไม่นาน นายต้นก็เดินมาแจ้งว่า เงินในบัญชีมีแค่ 1,000 เท่านั้น จึงให้สามีซึ่งมาด้วยกันเดินไปกดเงินกับนายต้นด้วยกัน เพราะลูกสาวยืนยันว่าโอนมาให้ 5,800 บวกกับเงินในบัญชีของตนอีก 287 บาท จะต้องมีเงินอยู่ในบัญชี 6,087 บาท
พอกลับมาอีกทีสามีแจ้งว่ามีเงินเหลือบัญชีเพียง 1,087 บาท จึงกดเอามาใช้ได้แค่ 1,000 บาท เหลือติดบัญชี 87 บาท โดยนายต้น ยังเอาสลิปการกดเงินให้เป็นหลักฐานด้วยว่าเหลือเงิน 87 บาท
โดยต่อมาลูกสาวก็ยืนยันอีกว่าโอนเงินมา 5,800 บาทจริง พร้อมส่งหลักการโอนมาให้ จึงเอาสมุดไปปรับที่ธนาคารออมสิน พบว่ามีการกดเงินไป 2 ครั้ง ครั้งแรก 5,000 บาท ครั้งสอง 1,000 บาท ทิ้งระยะห่างกันประมาณ 10 นาที
จากนั้นได้ไปขอดูภาพกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล แต่ได้รับคำตอบว่าดูไม่ได้ จึงเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.อนุเปรม ทุมนานอก รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ไว้เป็นหลักฐาน โดยตั้งข้อสงสัยว่านายต้น น่าจะเป็นคนกดเงินไป แต่จนถึงขณะนี้ผ่านมา 5 วัน คดียังไม่คืบหน้า
ส่วนตัวไม่อยากโทษนายต้น ว่าเป็นคนกดเงินไป แต่ดูแล้วไม่มีใคร เพราะสามีก็กดเงินไม่เป็น และให้คนๆเดียวคือนายต้นไปกด จีงอยากจะวิงวอนหากนายต้นเอาไปจริง ก็ขอคืน เพราะเป็นเงินที่ลูกสาวหามาอย่างยากแค้นในช่วงนี้ และหลังจากนี้ก็จะไม่มีนมให้หลานกินอีก เพราะเจ้าของร้านได้โทรมาทวงแล้ว และอยากให้ตำรวจเร่งสอบสวนหาความจริง
ด้าน น.ส.ฐิฏติยาพร กรณีรติธนรัชต์ ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ของโรงพยาบาล บอกว่า ได้รับแจ้งจากป้าแล้วพยายามหาข้อมูลจากธนาคาร แต่ธนาคารบอกว่าต้องให้เจ้าของบัญชีมาดำเนินการ ตอนนี้เรายังไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นคนเอาเงินไป เพราะยังไม่มีหลักฐาน