เจาะประเด็นข้อพิพาท การสร้างหอพระและศาลเจ้าพ่อเสือเกาะกลางแม่น้ำปิง จ.กำแพงเพชร
1 min readจากการที่มีผู้ยื่นหนังสื่อร้องเรียนมายังทีมงานข่าวชัดประเด็นจริง ช่อง13สยามไทย ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบประเด็นเรื่องราวมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการสร้างหอพระและศาลเจ้าพ่อเสือเกาะกลางแม่น้ำปิง
เมื่อวันที่8 พ.ค.2563 คุณณัฐธีร์ พัสวีดิลกภัทร์ (คุณหนึ่ง) หอบหลักฐานเอกสาร ขอเข้าพบกับผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ให้ชี้แจง ทบทวนความเห็นเรื่องที่ดินบนเกาะกลางแม่น้ำปิงของสำนักงานที่ดินและความเห็นเรื่องการรื้อถอนโครงสร้างศาลเจ้าพ่อเสือของสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองโดยด่วนที่สุดก่อนจะออกคำสั่ง เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์
สรุปข้อมูลเกาะกลางแม่น้ำปิง
เมื่อพ.ศ. ๒๕๓๕ ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดทำโครงการพัฒนาและปรับปรุงเกาะกลางแม่น้ำปิง เพื่อสนองนโยบายกระทรวงมหาดไทยเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ โดยมีเจตนารมสร้างหอพระพุทธและศาลเจ้าพ่อเสือ โดยประชาชนร่วมกันบริจาคเงินก่อสร้างโดยมอบให้ผู้ว่าราชการเป็นเช๊คเงินสดจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยระบุว่าเพื่อสร้างหอพระและศาลเจ้าพ่อเสือกลางเกาะแม่น้ำปิง และผู้ว่าราชการจังหวัดได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการครบทุกฝ่าย เพื่อรับผิดชอบในการจัดสร้างศาลเจ้าพ่อเสือ (คำสั่งที่ ๙๘๕/๒๕๓๕ และ ๑๐๕๕/๒๕๓๕) โดยมอบให้โยธาธิการจังหวัด สำรวจและออกแบบ และได้ก่อสร้างส่วนโครงสร้างเกือบแล้วเสร็จเหลือส่วนตกแต่ง ใช้เงินไปประมาณ ๑๑ ล้านบาท ระหว่างก่อสร้างเทศบาลสั่งให้รื้อถอนเนื่องจากมิได้ขออนุญาตก่อสร้างอาคารและไม่ได้ขอนุญาติใช้ที่ดินจากระทรวงมหาดไทย
เอกสารปี 2534
เอกสารปี 2535
เอกสาร 2536
เอกสาร 2540
ปัจจุบันสำนักงานที่ดินได้รังวัดที่ดินบนเกาะกลางแม่น้ำปิงเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒ มีเนื้อที่ ๔๔-๒-๔๒ ไร่ โดยประกาศออกนสล.ให้ประชาชนทราบและสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองตรวจสอบอาคารศาลเจ้าพ่อเสือมีความเห็นว่ามีจุดบกพร่องหลายแห่งสภาพไม่ควรสร้างต่อ โดยให้เทศบาลเมืองกำแพงเพชรประกาศรื้อถอนหลังจากได้เอกสารนสล. เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบกรณีพิพาท จังหวัดสั่งให้เทศบาลออกคำสั่งรื้อถอน เมื่อได้รับ นสล.
ปัจจุบัน ออกนสล.แล้ว และออกประกาศให้มาแสดงความเป็นเจ้าของอาคาร แต่ไม่มีใครกลแ้าแสดงตัว
จากอดีต ถึง ปุจจับัน สรุปกรณีพิพาท ดังนี้
1. กรณีพิพาท เรื่อง กรรมสิทธิ์ที่ดินบนเกาะกลางแม่น้ำปิง
ข้อเท็จจริง ปัจจุบันได้ออกนสล.แล้วเมื่อวันที่ ๑๔ เมษยายน ๒๕๖๓ ซึ่งความเป็นจริงเกาะกลางแม่น้ำปิงเป็นเกาะที่เกิดจากการสร้างของบุคคลจะไม่เข้ากับหลักเกณฑ์ของกระมทรวงมหาดไทยในการออกนสล.ซึ่งเกาะที่เกิดจากการสร้างของบุคคลมิได้เกิดจากธรรมชาติจะถือเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำเป็นความดูแลของกรมเจ้าท่า เมื่อกรมเจ้าท่าแจ้งว่ามิอยู่ในความดูแลของเจ้าท่า ให้ถือว่าที่ดินเกาะกลางแม่น้ำปิงเป็นของแผ่นดินกลายเป็นที่ราชพัสดุภายใต้การดูแลของกรมธนารักษ์ โดยให้สำนักงานที่ดินแจ้งไปยังราชพัสดุ หากมูลนิธิต้องการใช้ที่ดินส่วนที่ตั้งศาลเจ้าพ่อเสือและสวนสาธารณะเล็กน้อย ให้ขอเช่าจากราชพัสดุ ๕ ไร่เท่านั้น กรณีเกาะกลางแม่น้ำมีเคสตัวอย่างคือเกาะกก จ.เชียงราย ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุ ในความดูแลของธานารักษ์
ข้อสังเกต เมื่อที่ดินอยู่ในความดูแลของกรมเจ้าท่าโดยเจ้าท่าไม่แสดงความเป็นเจ้าของ จึงมีสภาพเป็นที่ดินว่างเปล่ากลางลำน้ำที่ไม่มีเจ้าของจึงเข้าหลักเกณฑ์ที่ราชพัสดุ คือ อสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินทุกชนิด โดยยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ดินสาธารณะประโยชน์ เนื่องจากใช้ประโยชน์ร่วมกันทีหลัง จึงเข้าเกณฑ์ที่ราชพัสดุมากกว่าโดยวิเคราะห์ตามลพดับเหตุการณ์ก่อนหลังเป็นสำคัญ
2. กรณีพิพาท เรื่อง การขอนุญาติก่อสร้างอาคารศาลเจ้าพ่อเสือ
ข้อเท็จจริง เมื่อขอใช้ที่ดินเพื่อก่อสร้างอาคารศาลเจ้าเสือต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบแล้ว เมื่อได้รับอนุญาติให้ใช้ที่ดินแล้วจึงจะแนบหลักฐานการขอใช้ที่ดินพร้อมแปลนการก่อสร้างเสนอกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นผู้ดูแลในเรื่องศาลเจ้าเพื่อพิจารณาอนุญาติ
-ในการก่อสร้างมีแบบที่วิศวกรรับรองชัดเจน
3.กรณีพิพาท เรื่อง ความแข็งแรงคงทนของตัวอาคาร
ข้อเท็จจริง ตามรายงานการประชุม วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๔ แบ่งเป็น ๒ ส่วน 3.1ตัวอาคาร จากการตรวจสอบและรายงานผู้ที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงแข็งแรงได้ดำเนินการถูกต้องเรียบร้อย เมื่อการก่อสร้างดำเนินการไปแล้วการตรวจสอบการตรวจสอบจะไม่เข้าไปตรวจสอบเรื่องตัวอาคารเพราะมีวิศวกรและสถาบันราชการรับรองอยู่แล้ว จะตรวจสอบได้เฉพาะแต่สิ่งที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นเท่านั้น 3.2ส่วนของรากฐาน ในช่วง ๒-๓ ปีที่ผ่านมา แม่น้ำปิงมีน้ำเพิ่มมากขึ้นซึ่งเป็นกระแสน้ำที่ไหลตามปกติมิใช่ไหลตามซอกเขาจึงไม่มีผลต่อรากฐานตัวนี้ สิ่งที่ควรทำคือปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบควรทำเขื่อนกันตลิ่ง เพื่อให้เกิดความสวยงาม สำหรับรูปแบบคณะทำงานจะได้พิจารณาอีกครั้ง
4.กรณีพิพาท เรื่อง รื้อถอน อาคารศาลเจ้าพ่อเสือ และ/หรือ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ข้อเท็จจริง โครงการพัฒนาและปรับปรุงเกาะกลางแม่น้ำปิง มีเจตนารมก่อสร้างหอพระพุทธและศาลเจ้าพ่อเสือ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชรได้รับมอบเงินบริจาคจากประชาชน จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยระบุว่าเพื่อสร้างหอพระและศาลเจ้าพ่อเสือกลางเกาะแม่น้ำปิง ลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ จำเป็นต้องก่อสร้างศาลเจ้าพ่อเสือตามที่ระบุเท่านั้น
ข้อควรระวัง หากไม่ทำตามที่ระบุจังหวัดอาจถูกแจ้งความดำเนินคดีได้ เพราะมีหลักฐานการรับเงินเป็นเช๊คที่ผู้ว่าราชการจังหวัดรับมอบในฐานะตัวแทนของจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งระบุจุดประสงค์ชัดเจน
5.กรณีพิพาท เรื่อง ยกเลิก รื้อถอน โครงการเฉลิมพระเกียรติและอาคารที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเฉลิมพระเกียรติ
ข้อเท็จจริง โครงการพัฒนาและปรับปรุงเกาะกลางแม่น้ำปิงทำขึ้นเพื่อสนองนโยบายกระทรวงมหาดไทยเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ จำเป็นต้องดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติให้แล้วเสร็จมิควรยกเลิก รื้อถอน ทุบทิ้ง โครงสร้างอันเกี่ยวข้องกับโครงการเฉลิมพระเกียรติเด็ดขาด คล้ายเป็นการดูหมิ่นต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ข้อควรระวัง หากรื้อถอนโครงสร้างของโครงการเฉลิมพระเกียรติ หากมีผู้ร้องเรียนและ/หรือฟ้องร้อง ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอาจมีความผิด ตามมาตรา ๑๑๒ ได้
จึงขอให้จังหวัดกำแพงเพชร ทบทวนความเห็นเรื่องที่ดินบนเกาะกลางแม่น้ำปิงของสำนักงานที่ดินและความเห็นเรื่องการรื้อถอนโครงสร้างศาลเจ้าพ่อเสือของสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองโดยด่วนที่สุดก่อนจะออกคำสั่ง เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงมิควรมีมติ ยกเลิก , รื้อถอน หรือกระทำการใดๆ ที่มีความเสี่ยงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ควรมีมติให้การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมากกว่า หากจำเป็นต้องรื้อถอนโครงสร้างอาคารศาลเจ้าพ่อเสือเท่านั้นโดยไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีอื่นได้ ให้โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดทำหนังสือเรียนผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอขอความเห็นชอบจากกระทรวงมหาดไทย โดยขอให้กระทรวงมหาดไทยส่งผู้ชำนาญจากกระทรวงมาตรวจสอบซ้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ หากส่วนกลางยืนยันต้องรื้อถอนโดยไม่ขัดแย้งกัน ให้ทูลเกล้าถวายฎีกาต่อคณะลูกขุนเพื่อขอพระบรมราชานุญาติในการรื้อถอนโครงสร้างซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องจาก ถ้าเกิดการรื้อถอนไปโดยมิได้ทูลเกล้าถวายฎีกาเพื่อขอพระบรมราชานุญาติก่อน หากดำเนินการไปจนเสร็จสิ้นอาจจะส่งผลกระทบโดยแก้ไขไม่ได้เพราะกลายเป็นความผิดแล้วเสร็จของการกระทำความผิด
Loading...