สส.พปชร.จับมือแขวงทางหลวงพิจิตรลงพื้นที่เร่งรัดงานก่อสร้าง 3 โครงการ งบกว่า 65 ล้านบาท (มีคลิป)
1 min readสส.ภูดิท – สส.พรชัย จับมือแขวงทางหลวงพิจิตรลงพื้นที่ติดตามเร่งรัดการใช้งบประมาณในงานก่อสร้าง 3 โครงการ ที่ได้รับงบประมาณจากกระทรวงคมนาคมงบกว่า 65 ล้านบาท โดยขอให้ผู้รับเหมาเร่งมือทำให้แล้วเสร็จตามสัญญาจ้างเพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์ก่อนถึงฤดูน้ำหลากที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการก่อสร้าง
วันที่ 18 พ.ค. 2563 นายพรชัย อินทร์สุข สส.พิจิตร เขต 1 และ นายภูดิท อินสุวรรณ์ ส.ส.พิจิตร เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายรังสรรค์ สุขชัยรังสรรค์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงพิจิตร และ นายวิศิษฐ์ เบญจพิทักษ์กุล นายอำเภอทับคล้อ ได้ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อติดตามโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงหมายเลข 113 ที่บริเวณใกล้กับหน้าที่ว่าการอำเภอทับคล้อ ที่กำลังก่อสร้างขยายถนนให้เป็นถนนสี่เลนด้วยงบประมาณการก่อสร้าง 29,243,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 23 เมษายน 2563 สิ้นสุดสัญญา 9 ตุลาคม 2563 ระยะเวลาทำการ 170 วัน และตรวจโครงการจ้างเหมาก่อสร้างฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยที่บริเวณ กม.60+356 ถึง กม. 60+725 งบประมาณ 6,753,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 8 กุมภาพันธ์ – 16 มิถุนายน 2563 ระยะเวลาทำการ 130 วัน ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้เป็นจุดที่เมื่อปีที่ผ่านมาเกิดน้ำท่วมใหญ่ น้ำท่วมสูงข้ามถนนทำให้ถนนเสียหายรวมถึงบริเวณดังกล่าวมีปัญหาทางเชื่อมของบ้านเรือนราษฎรวมถึงท่อลอดและทางระบายน้ำ ดังนั้น สส.พิจิตร ซึ่งประกอบด้วย นายพรชัย อินทร์สุข , นายภูดิท อินสุวรรณ์ , นายสุรชาติ ศรีบุศกร ซึ่งเป็น สส.พปชร.จ.พิจิตร ทั้ง 3 ท่าน จึงได้ร่วมกันผลักดันงบประมาณให้แขวงทางหลวงพิจิตร ดำเนินการปรับปรุงจากถนน 2 เลน ให้เป็นถนน 4 เลน ทั้งนี้เพื่อก่อให้เกิดความสะดวกทางด้านคมนาคมและความเจริญของอำเภอทับคล้ออีกด้วย
นอกจากนี้ สส.พรชัย อินทร์สุข , สส.ภูดิท อินสุวรรณ์ ยังได้ร่วมกับ นายรังสรรค์ สุขชัยรังสรรค์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงพิจิตร ลงพื้นที่ดูความก้าวหน้าของการสร้างถนนทางหลวงหมายเลข 113 ที่บริเวณโค้งหนองหนู ต.ฆะมัง ซึ่งเป็นโค้งอันตรายโดยจะได้ขยายเป็นถนนสี่เลน พร้อมติดตั้งไฟแสงสว่างด้วยงบประมาณ 29,308,000 บาท เริ่มต้นสัญญา 23 เมษายน – 19 ตุลาคม 2563 ซึ่งการลงพื้นที่ติดตามงานในครั้งนี้ก็เพื่อเร่งรัดให้ผู้รับจ้างทำงานให้เสร็จสิ้นตามสัญญาโดยเร็ว ทั้งนี้เพื่อประชาชนจะได้ใช้ประโยชน์เส้นทางต่างๆเหล่านี้ในการสัญจรไปมาเพื่อสร้างความสะดวกสบายและเป็นการช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อีกช่องทางหนึ่งอีกด้วย ซึ่งนับได้ว่าผลงานดังกล่าวครั้งนี้ก่อให้เกิดประโยชน์กับชาวพิจิตรอย่างยั่งยืนและแท้จริงอีกด้วย
ภาพ/ข่าว สิทธิพจน์ พิจิตร