อำเภอภูสิงห์เปิดท่องเที่ยววิถีสันติภาพอย่างยั่งยืนวัดบ้านขะยูง ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 เวลา 13.30 น. ที่วัดบ้านขะยูง ต.ละลม อ.ภูสิงห์ นายอรรถพล อรรคบุตร นายอำเภอภูสิงห์ เป็นประธานเปิดการประชุมสนทนากลุ่มเฉพาะงานวิจัยการพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยววิถีสันติภาพอย่างยั่งยืน ซึ่งพระสมุห์อดิศักดิ์ วชิรปญโญ นิสิต ป.เอก สาขาวิชาสันติศึกษา รุ่น 2 (1.1) หลักสูตรพุทธศาสนา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และนิสิตได้จัดประชุมเพื่อศึกษาบริบทการท่องเที่ยวของวัดบ้านขะยูง เป็นหแล่งท่องเที่ยวเชิงพระพุทธศาสนา โดยมีพระครูประภัศร์ สุตาลังการ เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ พระครูสถิตกิจจาทร รองเจ้าคณะอำเภอภูสิงห์ พระครูไพโรจน์ อินทสาร เจ้าคณะตำบลห้วยตึ๊กชู เขต 2 พระครูถาวรรัตนาภิบาล เจ้าคณะตำบลห้วยตึ๊กชู เขต 1 ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษ ผศ.ดร.ขันทอง วัฒนะประดิษฐ์ อาจารยประจำ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช วิทยาลัย นางยุวดี บำรุงบุตร คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ นายกอบต ห้วยตามอญ กำนันตำบลห้วยตามอญ กำนันตำบลละลม และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมสนทนากลุ่มอย่างเข้มข้นเป็นจำนวนมาก เพื่อให้การวิจัยสามารถนำมาใช้ในรูปแบบการท่องเที่ยววิถีสันติภาพอย่างยั่งยืนในพื้นที่ อำเภอภูสิงห์ ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ ต่อไป

หลังจากนั้น นายอรรถพล อรรคบุตร นายอำเภอภูสิงห์พร้อมด้วย และดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษ ได้ร่วมเป็นประธานเปิดป้ายศาลาไม้ตำนาน”เส้นทางหลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน” พิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งของเกี่ยวเนื่องในหลวงปู่จาริกแสวงบุญในพื้นที่ขณะเมื่อยังไม่ละสังขาร ด้วย

นายอรรถพล อรรคบุตร นายอำเภอภูสิงห์ กล่าวว่า อำเภอภูสิงห์มีวัด 70 วัด การเดินทางไปมาสะดวก สามารถเชื่อมโยงกันได้ทุกวัด บางวัดมีน้ำตกไหลผ่านลานวัดสู่หน้าผาข้างล่างสวยงามมาก มีทรัพยากรท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติพระพุทธศาสนา จึงอยากให้พัฒนาคนเพราะมีปัญหาเฉพาะคน ในส่วนของศาสนามีความเห็นว่าทุกศาสนาดีหมด อยากให้มองวัดให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยเอาหลักธรรมะมาเชื่อมโยง อย่าดูแค่ตา ให้ใช้ใจด้วย หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ขอสนับสนุนการวิจัยในครั้งนี้อย่างเต็มที่

ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า วัดบ้านขะยูง ตำบลละลม อำเภอภูสิงห์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวิถีศาสตร์พุทธเถรวาท มีหุ่นขี้ผึ้งรูปเหมือนของหลวงปู่สรวง ศาลาไม้มีร่องรอยในอดีตของหลวงปู่สรวงให้ได้ศึกษา มีลายมือหลวงปู่สรวงเขียนไว้ข้างฝาและบนกระดาษหลายแผ่นล้วนแต่เป็นปริศนาธรรม นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวต้องผ่านจุดเริ่มต้น คือคล้องผ้าขาวก่อน แล้วเคาะระฆังบอกกล่าว และจุดเทียนส่องสว่างให้ชีวิต แล้วเดินเวียนรอบๆก่อนบูชาด้วยหมากพลู ที่แปลกมากคือก่อนกลับต้องดับเทียนด้วยใบโพธิ์สองใบแล้วนำกลับไปบูชา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางพุทธศาสนาที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปสงบกายสงบใจ จะทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนเย็นลงและปล่อยวางมากขึ้น เวลากลับจะพูดตามหลวงปู่สรวงว่า สาธุ วิหารี อากู อากู

ภาพ/ข่าว บุญทัน ธุศรีวรรณ