ตำรวจเพื่อประชาชน ข่าวชัด ส.ค.63
1 min read
ตำรวจเพื่อประชาชน……………….ขอแสดงความเสียใจต่อ ครอบครัวเพื่อนพ้องน้องพี่อาสาสมัครทหารพรานที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากกรณีผู้ก่อการร้าย โจรขยะข้างถนน สามจังหวัดชายแดนใต้ วางระเบิด ทุกปี อส.ทพ. ตำรวจ ทหารและพลเรือนชาวพุทธ เสียชีวิตจากเหตุการณ์ลอบกัด ของความระยำการก่อการร้ายในพื้นที่ดังกล่าวจำนวนมาก เพราะได้แต่พูดคุย ไร้สาระสิ้นดี……..องค์กรตำรวจมักมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นเสมอ ในยามมียศ มีตำแหน่ง แต่เมื่อหมดไปจากจุดนั้น ทุกคนมีสิทธิ์ขึ้นโรงศาลดั่ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หลบสื่อมวลชนขึ้นศาลอาญาเมื่อวันก่อน เพราะถูกฟ้องในคดีอาญา กลั่นแกล้งคนสีเดียวกันให้ได้รับความระทมทุกข์แก่จิตใจ เรื่องนี้ยาวแน่ เพราะตำรวจฟ้องตำรวจ ภาพลักษณ์องค์กรนี้ เป็นภาพยับมานาน ไม่มีการปฏิรูปใดๆเกิดขึ้น……………นี่ก็เช่นกัน สุดแสนความอัปยศ ในพวกมากลากไป จนเป็นที่นิยมพูด รู้เท่าไม่ถึงการณ์ คนสองกลุ่มยกพวกละเลงยับ คาโรงพยาบาล ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ……………หากวิเคราะห์ทางภูมิศาสตร์ กลุ่มชุมชนวัดมหาวงษ์ สุจริตชน รู้กันดี ในย่านนี้มียาเสพติดแพร่กระจาย สู่เด็กและเยาวชนมานานแล้ว มีกานทำร้ายกันจนถึงแก่ชีวิต เกิดขันหลายคดี เพราะหักเรื่องยาเสพติด กลุ่มชุมชนวัดมหาวงษ์ ส่วนใหญ่ จะออกก่อกวน ขับขี่รถจักรยานยนต์แข่งกันเสมอๆ อาศัยช่วงเวลาคืนวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 23 นาฬิกาเป็นต้นไป ใช้ถนนรถไฟสายเก่าเป็นที่แข่งรถ ตั้งแต่แยกสรรพาวุธ จนถึงแยกปู่เจ้า คนที่ขับรถปกติจะต้องเปิดให้เจ้าพ่อถนนแห่งนี้แข่งรถ ตำรวจ สน.บางนา สภ.สำโรงใต้ และสภ.สำโรงเหนือ ไม่เคยจับได้สักรายเดียว เพราะไม่มีการบูรณาการร่วมกันในการจับกุมการแข่งรถ………….ส่วนกลุ่มชุมชนโรงเหล็กนั้น คนแปลกหน้าเดินเข้าซอยจะถูกติดตามดูพฤติกรรม เพราะในซอยนี้ มีการลักลอบส่งยาเสพติด เนื่องจากซอยแห่งนี้สามารถทะลุออกได้หลายทาง มีหลายชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นประชากรแฝงทั้งสิ้น สรุปคนสองกลุ่มไม่ถูกกันเพราะต่างพยายามขยายการคุ้มครองพื้นที่ ที่มีแต่ผลประโยชน์แอบแฝง…………….สุจริตชนรายหนึ่งที่อาศัยในชุมชน ต้องปิดปากเงียบกับการลักลอบค้ายาเสพติด หากใครอ้าปากพูด จะถูกข่มขู่ ในทุกรูปแบบ เรื่องนี้ตำรวจคงรู้ดี คงหวังพึ่งไม่ได้มาก นอกจาก ปปส.เท่านั้น หากเปิดยุทธการเมื่อไหร่ คงได้เรื่องใหญ่แน่ ขอฝากไว้เป็นข้อคิดตรงนี้………….
ใครที่คิดป่วนด่านจราจร บันทึกภาพถ่ายคลิป การตั้งด่านตรวจตามปกติ ของตำรวจมีหวังติดคุก ข้อหาก่อความเดือดร้อน รำคาญ ทั้งจำ ทั้งปรับ เพราะเผือกไม่เข้าที่……………..เยาวชนปลดแอกมาแล้ว กำลังขยายวงกว้างมากขึ้น จากระยองสู่ กทม. ทำให้รัฐขาดความเชื่อมั่น จากประชาชน บนวิบากทางการเมือง เพราะมี รมต. พากันลาออก จากวันนี้เป็นต้นไป ความไม่สงบ จะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ทำให้เสถียรภาพรัฐบาลตกต่ำ…………
คดีน้องชมพู่ ยังไปไม่ถึงไหน นักคิด นักบวช กระบวนการร่างทรง เจ้าพ่อ เจ้าแม่ทั้งหลาย ใช้โอกาสสร้างชื่อให้ตนเอง จากการเสียชีวิตของน้องชมพู่ จนถูกบันทึกไว้เป็นตำนาน ตำรวจฉลาดพอ นั่งดูบุคคลมากหน้าหลายตาออกมาเสนอแนะหลักฐาน จับกุมคนผิด กลายเป็นฮีโร่ ส่วนคนดีในข่าวกลายเป็นจำเลยสังคม………ตามปกติวิสัยเด็กสามขวบ จะคุ้นเคยกับคนใกล้ชิดเท่านั้น และผิดปกติเด็กวัยนี้ คงไม่กล้าเดินขึ้นเขาคนเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากอากาศร้อนจัด ความไม่ประสีประสาจะถอดเสื้อผ้าเอง เพื่อคลายความร้อน และหากขาดอาหารและน้ำดื่ม อาจช็อกหมดสติในที่สุด ล้วนเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้เช่นกัน เรื่องนี้ต้องตำหนิพ่อแม่ที่ดูแลไม่ดี เด็กวัยสามขวบเขาเริ่มมีจินตนาการ ต่อคนใกล้ชิดเท่านั้น ที่จะให้ความคุ้มครองดูแลเขาได้ แต่อย่างไรก็ตาม คดีน้องชมพู่ทำให้ตำรวจหลงทางได้เช่นกัน เรื่องเหล่านี้ต้องพูดคุยกับนักจิตวิทยาด้านเด็ก จะรู้ดี ล่าสุดหลักฐานชิ้นใหม่เกิดขึ้น เสื้อยืดสีส้มถูกหมกไว้ใต้ขอนไม้ แต่ยังไม่อาจเป็นข้อสรุปได้ทีเดียว
………….เหลือเวลาไม่นาน สิงหา กันยา ตุลาคม เป็นฤดูโยกย้ายข้าราชการ ในปีนี้ ผบ.ตร.และ รอง ผบ.ตร.เกษียณอายุราชการพร้อมกัน แมวมองจึงจับจ้องไปที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อาจส้มหล่น ก้าวขึ้นเป็น ผบ.ตร.ตามโผ ที่ถูกฝากฝังไว้ก่อนหน้านี้ หากไม่มีตัวแปรเป็นอื่น เพราะมีนายกรัฐมนตรีนั่งหัวโต๊ะ เป็นประธานพิจารณาการโยกย้าย หากไม่เป็นดังว่าสตช.ก็อยู่ในวังวนเดิมๆ ไร้การปฏิรูป หน่วยงานอื่นๆก็เช่นกัน เพราะมีนายใหญ่นั่งหัวโต๊ะ…………….ปัจจุบันสังคมไทย มีความคิดแตกแยกมากขึ้น แบ่งเขา แบ่งเราชัดเจน จนเคลื่อนเข้าอยู่ยุคเสื่อม นั่งการเมืองมัวแต่แย่งชิงอำนาจ ผลประโยชน์ เห็นประชาชนเป็นตอไหม้ผุๆเท่านั้น อีกด้านหนึ่งมองไปว่ามีประโยชน์ ช่วงเลือกตั้งเท่านั้น และเมื่อได้อำนาจเบ็ดเสร็จ ประชาชนต้องเชื่อฟังรัฐเท่านั้น แม้แต่สื่อมวลชน ถูกจำกัดที่ จำกัดทางในการเสนอข่าวสารข้อมูล ตามมาตรการเผด็จการ สืบทอดอำนาจ คสช. โดยใช้กลไก ของ ศบค. ที่ใช้อำนาจ พรก.ฉุกเฉิน เป็นกฏหมายจำกัดสิทธิ สติปัญญาชน ไม่ให้ลุกขึ้นโวย จึงพอสรุปได้ว่าประชาชนถูกกดดัน ด้วยยุทธศาสตร์สร้างความกลัว จากไวรัส โควิด 19เป็นกันชน ระหว่างรัฐกับประชาชน โดยกำหนดวิถีชีวิตให้ประชาชนเดินทุกย่างก้าว สวัสดี