เสาร์. พ.ย. 2nd, 2024

ข่าวชัด Khaochad.co.th

ข่าวสารฉับไว ชัดตรงประเด็น สื่อความมั่นคงของชาติ

รอง ผบ.ตร.ติดตามคดีจับการ์ดวีโว่ ตร.คลองหลวง เตรียมออกหมายเรียกร่วม 10 คน

1 min read

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 15 ม.ค. 64 ที่หัองประชุมชั้น3 สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี เดินทางมาเรียกประขุมทีมงานชุดสืบสวนและชุดสอบสวนเพื่อมาสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่มีกลุ่มการ์ดวีโว่ และ กลุ่มนักศึกษาเดินทางมาชุมนุมหน้า สภ.คลองหลวง เมื่อช่วงสายของวันเดียวกันนี้ (15 ม.ค.) โดยได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวเรื่องธงชาติ ทำลายทรัพย์สิน และดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดมาจากกรณีที่นายชยพล ดโนทัย หรือ”เดฟ” เดินทางมาที่ สภ.คลองหลวง เพื่อขอรับทราบข้อกล่าวว่าที่ได้ร่วมกับนายศิริชัย นาถึง หรือ”นิว” ที่เคยถูกจับไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่เมื่อมาถึงปรากฏว่าไม่มีทั้งหมายเรียกและหมายจับของนายชยพลฯ จึงได้ขอลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่าตนมาแล้ว ในขณะเดียวกันได้มีกลุ่มผู้ที่มาติดตามและให้กำลังใจนานชยพลฯ ก็ได้มีการใช้เครื่องขยายเสียงโจมตีการทำงานของ ตร.และนำป้ายข้อความที่ไม่เหมาะสมมาติดแขวนไว้หน้าโรงพัก โดยอีกกลุ่มได้ชักธงชาติที่เสาหน้าโรงพักแล้วเปลี่ยนเป็นธงสีแดงที่มีตัวเลข112 ขึ้นไปแทน จึงเกิดการยื้อยุดฉุดกระขากของตำรวจที่พยายามเข้าไปห้ามในการกระทำครั้งนี้ ดังนั้นตนจึงได้มีการสั่งการเร่งรัดให้มีการรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมให้มีการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล และให้ออกหมายเรียกมาดำเนินคดีตามกฏหมายโดยเร็วต่อไป

ต่อมาเวลา 21.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 ได้เดินทางมาเพื่อติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยมี พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี และ พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง คอยบรรยายสรุป ซึ่งใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมงในการรับฟังข้อสรุป

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ตนได้เดินทางมายัง สภ.คลองหลวง เพื่อประชุมรับทราบข้อเท็จจริง กรณีมีกลุ่มมวลชนมาร่วมชุมนุมบริเวณหน้า สภ.คลองหลวง เพื่อกดดันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีการนำธงชาติลงจากยอดเสา และนำเอาผ้าสีแดงคล้ายธง มีข้อความว่า “112” ขึ้นสู่ยอดเสาแทน ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้ ถือว่าเป็นกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ถือว่าเข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมาย ข้อหา ฝ่าฝืนการใช้ ชัก หรือแสดงธงที่มีความหมายถึงประเทศไทย หรือชาติไทย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ธง พ.ศ.2522 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้แล้ว ยังมีการฉีดพ่นสีสเปรย์ บนสถานที่ราชการ และมีการชูป้ายผ้า มีข้อความ ที่เข้าข่ายดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ซึ่งหากพิสูจน์ทราบได้ใครเป็นผู้กระทำ ก็จะต้องออกหมายเรียกมาดำเนินคดีในข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ และ ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ด้วย สำหรับการที่มวลชนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากในช่วงนี้นั้น เป็นช่วงการแพร่ระบาดของ โควิด 19 ซึ่งพบว่าไม่ได้มีการขออนุญาตจากเจ้าพนักงาน และไม่มีมาตรการทางสาธารณสุข ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ซึงก็จะเข้าข่ายมีความผิด ตามข้อกำหนด ซึ่งออกตามความใน มาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งห้ามมิให้มีการชุมนุม ทำกิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัด ฯ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งผู้ที่มาร่วมชุมนุมจะถือว่ามีความผิดทุกคน เว้นแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา เช่น ทนายความ ญาติ หรือบุคคลที่ผู้ต้องหาร้องขอให้มาร่วมรับฟังการสอบสวน คาดว่าทางพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกผู้กระทำผิดที่พิสูจน์ทราบชื่อ.ในวันพรุ่งนี้ จึงฝากเตือนกลุ่มความเห็นต่างว่า การใช้สิทธิเสรีภาพขอให้คำนึงหลักกฎหมาย อย่าเกินกรอบกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีหน้าที่รักษากฎหมายจึงมีความจำเป็นต้องบังคับใช้หมายไม่มีข้อยกเว้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ซึ่งกำลังมีปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด สำหรับในวันพรุ่งนี้ (16 ม.ค.) ทางพนักงานสอบสวนจะได้ออกหมายเรียก ซึ่งขณะนี้รู้ตัวบุคคลและกลุ่มผู้ร่วมกันทำผิด รวมแล้วร่วม 10 คน เบื้องต้นจะได้แจ้งข้อกล่าวหาคือ 1.พรบ.ธงชาติ 2.ทำให้เสียทรัพย์ และ 3.ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่

ทางด้าน พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 กล่าวว่า ตนนั้นไม่คาดคิดเลยว่า กลุ่มผู้ทำลายทรัพย์และเปลี่ยนธงไตรรงค์นั้น จะกล้าทำขนาดนี้ ทั้งๆที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็อำนวยความสะดวกทุกอย่างในช่วงเวลาที่ผ่านมา

สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม / รายงาน

Loading…

You may have missed

Copyright © All rights reserved. | Newsphere by AF themes.