คณะกรรมาธิการแรงาน ติดตามความคืบหน้า คดีจับแรงงานต่างด้าว แย่งอาชีพคนไทย ย่านบางพลี พบตั๋วหลายหน่วยงาน!.
1 min readคณะกรรมาธิการแรงาน ติดตามความคืบหน้า คดีจับแรงงานต่างด้าว แย่งอาชีพคนไทย ย่านบางพลี พบตั๋วหลายหน่วยงาน!.
วันนี้ (28 มกราคม 2564) เวลา 10.00 น. นายสุวรรณ บัวโรย เลขานุการกรรมาธิการแรงงานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยสื่อมวลชนได้เดินทางมาที่สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีจับแรงงานต่างชาติที่เข้ามาขับมอเตอร์ไซด์พ่วงขายไอศครีมยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง ชึ่งอาชีพการเร่ขายสินค้าเป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทยเท่านั้น คนต่างด้าวห้ามทำเด็ดขาด โดยวันนี้มีหน่วยงานภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ สำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรปราการ กอ.รมน. สมุทรปราการ และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง มาร่วมตรวจสอบคดีนี้ด้วย
สำหรับคดีนี้มีการบันทึกให้ปากคำ โดยมี
ร.ต.อ.สุรกิจ เทียนทอง เป็นผู้กล่าวหา
นายเอ(นามสมมุติ) กับพวก เป็นผู้ต้องหา ต่อหน้า ร.ต.อ.วัฒนกิต ยอดอาจ รองสว.สอบสวน สภ.บางพลี ว่า นายสุวรรณ บัวโรย เลขานุการกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบในฐานะพยานในคดีอาญานี้
เนื่องจากเป็นผู้รู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับคดีนี้ว่า ก่อนเกิดเหตุในขณะทึ่ข้าพเจ้าปฎิบัติหน้าที่ในฐานะเลขานุการกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ได้รับเรื่องร้องเรียนจากคณะกรรมาธิการแรงงานฯ เกี่ยวกับเรื่องแรงานชาวต่างชาติทำผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มกราคม2564 เวลาประมาณ 18.00 น. ข้าพเจ้า พร้อมด้วยคณะสื่อมวลชน ได้เดินทางลงพื้นที่ตามข้อมูล (ลับ) ที่ได้รับแจ้งมา โดยได้ไปตรวจสอบที่บริเวณหมู่บ้านพรสว่างนิเวศน์ หมู่ 3 ถนนเทพารักษ์ ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบาพลี จังหวัดสมุทปราการ เมื่อถึงที่เกิดเหตุภายในหมู่บ้านพรสว่าง
นิเวศน์ หน้าบ้านเลขที่ 13/38 พบชาวต่างชาติ สัญชาติอินเดีย ตามข้อมูลเบาะแสที่ได้รับแจ้งมาว่า ได้ขับขี่รถกจักรยานยนต์พ่วงขายไอศครีมยี่ห้อดัง กำลังกลับเข้ามายังบ้านพักที่เกิดเหตุ จึงได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พ.ต.ต.ชนสิทธิ์ เด็ดดวง สวป. สภ.บางพลี ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบพบชาวต่างชาติ สัญชาติอินเดีย จำนวน 5 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจเอกสารหนังสือ
เดินทางและเอกสารอื่นๆ ระหว่างที่ตรวจสอบพบชาวต่างชาติชาวอินเดียขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงขายไอศครีมมายังบ้านที่เกิดเหตุอีก จำนวน 2 คน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอตรวจสอบเอกสารของคนต่างด้าว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจเอกสารเบื้องต้นของชาวต่างชาติ สัญชาติอินเดีย ทั้ง 7 คน ปรากฎว่าทั้งหมดไม่มีหนังสือเดินทางพกติดตัวในขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้น จึงได้แจ้งให้ร้อยเวรป้องกันปราบปรามและเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บางพลี โดยมี พ.ต.ท.อริเมศร์ ไชยศรัญวิชญ์ รอง ผกก.ป.สภ.บางพลี กับพวกนำกำลังมาที่เกิดเหตุ และได้ร่วมตรวจสอบด้วย ระหว่างตรวจสอบและได้สอบถามผู้ต้องหาทั้ง 7 คนว่า
โดยผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ยอมรับว่ามาขับรถมอเตอร์ไซด์พ่วงขายไอศครีมจริง และสอบถามเกี่ยวกับเอกสารเป็นตั๋วคูปองที่พบในตัวผู้ต้องหาแต่ละคน ตั๋วดังกล่าวมีลักษณะเป็นกระดาษสีเขียว, แดง, เหลือง จำนวนมากกว่า 10 ใบ มีรูปต่างๆ (รูปเสือ รูปหมี รูปดวงอาทิตย์ รูปสัมฯ ติดบนกระดาษพร้อมเขียนวันเดือนปีเอาไว้) และได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน พ.ต.ท.อริเมศร์ ไชยศรัญวิชญ์ รอง ผกก.ป.สภ.บางพลีได้สอบถามแรงงายชาวต่างชาติเกี่ยวกับคูปองดังกล่าว ผู้ต้องหาตอบว่าพกไว้เพื่อแสดงกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ หากนำตั๋วคูปองดังกล่าวมาแสดงแล้ว ทางเจ้าหน้าทีจะไม่จับกุม หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำผู้ต้องหาทั้ง 7 คน พร้อมทั้งยึดเงินทีอยู่ในถุงพร้อมบัญชีไปที่ สภ.บางพลี และบันทึกจับกุมส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
นายสุวรรณ บัวโรย เลขานุการกรรมาธิการแรงงาน สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ยังได้แจ้งความประสงค์จะให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 7คน
ดังนี้คือ
- ให้ตรวจสอบว่าผู้ต้องหาทั้ง 7 คน มีหนังสือเดินทาง และได้รับอนุญาตเข้ามาพำนักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยในสถานะใด และพักอาศัยอยู่กับผู้ใดในสถานะใด มีผู้ใดเป็นผู้ให้ที่พักพิงและเป็นนายจ้าง หากตรวจสอบพบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แจ้งความ
ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และรายงานผลให้ทราบในฐานะเลขานุการกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร - ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุว่าเป็นของผู้ใด และให้ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการของเจ้าบ้านที่เกิดเหตุว่ามีการขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หากตรวจสอบว่ามีการรับคนต่างด้าวเข้ามาประกอบอาชีพและให้ที่พักพิง ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และรายงานผลให้ทราบในฐานะเลขานุการกรรมาธิการฯ
และให้ พ.ต.ท.อริเมศร์ ไชยศรัญวิชญ์ รอง ผกก.ป.สภ.บางพลี ที่ตรวจพบพยานหลักฐานดังกล่าว หากพบว่ามีการกระทำความผิดให้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับนายมาโนช ซาฮี ในความผิดที่ตรวจสอบพบการกระทำความผิด
ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ถึง 7 หากพบมีการการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องตามที่ข้าพเจ้ากล่าวมาข้างต้น ก็ให้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ 2 ถึง 7 และรายงานผลการดำเนินการส่งไปยังสำนักงานเลขานุการกรรมาธิการแรงงานสภาผู้แทนราษฎร ถนนสามแสน แขวง/เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
พ.ต.อ. วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี กล่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวน และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้มาทำการตรวจพาสปอร์ตพบว่า มีชาวต่างชาติที่ถูกจับมามี 2 คนที่ถูกจับปรับในกรณีไม่พกพาสปอร๋ต เพราะ 1คนมีภรรยาเป็นคนไทยและมีบุตรด้วย ส่วนอีก 1 คน วีซ่ายังไม่หมดอายุ ส่วนอีก 5 คนนั้น Over STay วีซ่าหมดอายุ ก็ต้องทำบันทึกจับกุมใหม่ ส่วนเรื่องของการทำอาชีพขายสินค้าของแรงงานต่างชาติที่เข้ามาขับมอเตอร์ไซด์พ่วงขายไอศครีมยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง ชึ่งอาชีพการเร่ขายสินค้าเป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทยเท่านั้น คนต่างด้าวห้ามทำเด็ดขาดนั้น พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกเจ้าของบ้านมาสอบสวนว่าชาวต่างชาติทั้ง 7 คนมาทำอาชีพอะไรกันแน่ จีงจะสามารถตั้งข้อหาได้ แต่ถ้าไม่มีอะไรเจ้าของบ้านอาจต้องโดนข้อหาให้ที่พักพิงคนต่างชาติ
นายสุวรรณ บัวโรย เลขานุการกรรมาธิการฯ กล่าวว่าเรื่องคูปองตั๋วที่พบนั้น ก็ยังไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้ว่าหน่วยงานไหนเป็นผู้ออกให้