คืบหน้างัดตู้ ATM เงินหายไปเกือบล้านบาท ขณะที่ทางธนาคารไม่เปิดเผยยอดเงินที่เหลือในตู้ให้ทราบ

จากกรณี  ที่มีคนร้ายเข้ามางัดตู้  ATM  ที่บริเวณหน้าร้าน “เจ๊รัตน์เครื่องครัว”  ในตลาดไทยประคอง  เลขที่ 11  หมู่ 8  ต.กบินทร์บุรี  ข้างถนนสาย 304  ห่างจาก สภ.กบินทร์บุรี 1 กม.ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กบินทร์บุรี ชุดสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 2 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ชุดสืบสวน สภ.กบินทร์บุรี ได้ดำเนินการตรวจสอบ  พบว่าคนร้ายได้ใช้แก๊สเป่าตัดประตูด้านหน้า แต่ไม่สามารถตัดได้  จึงใช้แก๊สตัดเหล็กด้านหลังของตู้พังเสียหาย  และนำเงินสดออกไปได้จำนวนหนึ่ง  นั้น

ต่อมา  เจ้าหน้าที่ของบริษัทได้เข้ามาตรวจสอบ  พร้อมนำช่างมาทำการตัดเหล็ก  เพื่อนำกล่องที่บรรจุเงิน  ออกมา  โดยใช้เครื่องเจียเหล็กและใช้เครื่องมืองัดเหล็กที่อยู่ในตู้นำกล่องบรรจุเงินออกมาได้ต้องใช้เวลาเกือบ 6 ชั่วโมง  จึงสามารถนำกล่องบรรจุเงินออกมาได้ จำนวน  4 กล่อง  เป็นกล่องที่บรรจุธนบัตร ใบละ 100 บาท จำนวน 1 กล่อง บรรจุธนบัตรใบละ 500 บาท จำนวน 1 กล่อง บรรจุธนบัตรใบละ 1,000  บาท จำนวน 2 กล่อง ในกล่องมีทั้งสภาพที่ถูกไฟไหม้บางส่วน  เจ้าหน้าที่ของบริษัทจึงนำกล่องบรรจุเงินใส่ถุงเก็บเงินและใช้สายรัดถุงอย่างรัดกุม และนำไปทำการตรวจนับธนบัตรที่อยู่ในกล่องที่ สภ.กบินทร์บุรี โดยการตรวจนับทางเจ้าหน้าที่ของธนาคารไทยพาณิชย์ บริษัทที่รับผิดชอบเครื่องเอทีเอ็ม พร้อมทั้งบริษัทประกันภัย  โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวสังเกตการณ์ในการตรวจสอบเงินแต่อย่างใด  

เมื่อทำการตรวจสอบเสร็จปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่างเดินทางกลับ  โดยไม่มีใครยอมเปิดเผยขอมูลยอดเงินที่ถูกคนร้ายลักไปแต่อย่างใด   ทำให้ทางกลุ่มผู้สื่อข่าวหลายแขนงต่างตั้งคำถามการปิดบังข้อมูลในครั้งนี้ว่า  มีอะไรหรือเปล่าถึงต้องปิดไม่ให้สื่อทราบเพื่อนำเสนอข่าวยอดเงินในตู้ ATM  ทางผู้สื่อข่าวจึงได้มีการโทรศัพท์ไปสอบถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบยอดเงินจากตู้ ATM  อยู่เป็นเวลานาน  เนื่องจากทุกนายให้คำตอบว่าจำไม่ได้บาง  บางรายก็บอกว่าให้โทรไปถามอีกคนบ้าง  ในที่สุดจึงยอดบอกยอดเงินที่ถูกกลุ่มโจรลักไป  เป็นเงินจำนวน 758,900  บาท  เหลือเงินอยู่ในตู้เพียง  2,218,600  บาท  รวมทั้งธนบัตรที่ถูกแก๊สเผาไปบางส่วนด้วย

พ.ต.อ.มาโนช  กันเกลา  ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกบินทร์บุรี กล่าวในเรื่องนี้ว่า  วันนี้ก็สืบจากเรื่องบัตรได้ระดับหนึ่ง เพราะข้อมูลในบัตรยังไม่ชัดเจน ทางเราก็สืบสวนทางอื่นด้วย โดยไล่กล้องวงจรปิดทุกจุดและประสานกับตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียง และก็ระดมกำลังทุก สภ.ที่เกี่ยวข้อง ออกไปดำเนินการตั้งแต่รับแจ้งเหตุตั้งแต่เช้า จนถึงขณะนี้ ท่านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ก็สั่งการให้ดำเนินการโดยเร็ว ส่วนที่ สภ. ก็จะมีการนำเงินมานับที่นี่ร่วมกันในการเป็นสักขีพยานว่า จำนวนเงินที่ อยู่ในตู้เหลือเท่าไร  ผบก.ก็ได้สั่งการในเรื่องกล้อง ขณะนี้ก็ดำเนินการ ส่วนคนร้ายก็น่าจะเป็นแก๊งธรรมดา  เพราะดูรูปแบบแล้วไม่ได้เป็นมืออาชีพ เพราะเจาะด้านหลังตู้ในส่วนนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องอุกอาจมากนัก เพราเนื้อที่กว้าง เราก็มีการออกตรวจกันประจำอยู่แล้ว บางครั้งก็มีการเล็ดลอดบ้าง แต่เราก็ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ เราก็ได้ดำเนินการติดตามกันตลอด