“แรมโบ้อีสาน” วอน “หญิงหน่อย” ใจเย็นๆ ชี้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ยัน “ลุงตู่” ทำเต็มที่
1 min readการเมือง/“แรมโบ้” ยืนยัน นายกฯทำเต็มที่ช่วยประชาชนช่วงโควิด-19 ทั้งเยียวยา-จัดหาวัคซีน ขอ “คุณหญิงหน่อย” ใจเย็นๆ อย่าโวยวาย เพราะการดำเนินการทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกลุ่มสร้างไทยให้สัมภาษณ์กรณีไทยได้วัคซีนช้าที่สุดในอาเซียน แนะใช้เงินท้องถิ่นจัดซื้อให้คนในพื้นที่และมองการเงินใช้เยียวยา แก้วิกฤตโควิด-19 ของนายกฯใช้ไม่ตรงเป้าไม่ตรงจุด โดยนายสุภรณ์ระบุว่าที่ผ่านมาทั้งนายกฯและบุคลากรทางการแพทย์ได้ออกมาชี้แจงถึงกระบวนการการจัดหาวัคซีนมาแล้วหลายครั้ง ที่จะต้องเป็นไปตามกระบวนการต่างๆ และการจัดหาจะต้องโปร่งใส และต้องสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน
และขณะนี้ได้มีวัคซีนเข้ามาแล้วถึง 2 บริษัท ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง แต่ใครจะได้ฉีดก่อนหลังนั้นนายกฯบอกแล้วว่าอยู่ที่คณะกรรมการพิจารณา แต่ประชาชนไม่ต้องเป็นกังวล เพราะนายกฯได้ยืนยันแล้วว่าวัคซีนจะทยอยเข้ามา และนายกฯจะจัดหาเพิ่มเติมให้เพียงพอกับประชาชนทุกคน ดังนั้นขอให้ประชาชนทุกคนมั่นใจว่าจะมีวัคซีนที่เพียงพอไม่ขาดแคลนแน่นอน ขณะเดียวกันเรื่องวัคซีนแพงอธิบดีกรมควบคุมโรค ก็เคยออกมาบอกแล้วว่าการซื้อวัคซีนโควิด-19 มีราคาที่ไม่แพง หากเทียบกับบริษัทอื่นแถมยังมีคุณภาพที่ดีอีกด้วย
ในส่วนที่จะให้ อปท.จัดซื้อวัคซีนเองนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขก็บอกแล้วว่า ในระยะแรกนี้ ภาครัฐเท่านั้นที่จะดำเนินการจัดซื้อและบริหารจัดการวัคซีน และกระจายวัคซีนตามแผนการบริหารจัดการวัคซีน เพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และเพื่อให้สามารถติดตามอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังการได้รับวัคซีน จึงไม่สามารถให้ภาคเอกชน หรือ อปท. จัดซื้อกับผู้ผลิตวัคชีนได้โดยตรง ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและความมั่นใจในคุณภาพของวัคซีนและการติดตามดูแลประชาชนหลังการฉีดวัคซีนก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ดังนั้นก็ขอให้คุณหญิงสุดารัตน์ ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งโวยวาย ยืนยันว่านายกฯและรัฐบาลได้พยายามทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องของการดูแลสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จนขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเยียวยา ช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่ม หรือการจัดหาวัคซีนเพื่อมาฉีดให้กับประชาชน แต่ทุกอย่างจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ทั้งนี้นายกฯให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นที่สุด ไม่เหมือนคุณหญิงสุดารัตน์ที่ห่วงแต่เล่นการเมืองเพื่อหาเสียงให้กลุ่มตนเองโดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงที่รัฐบาลมีความตั้งใจแก้ปัญหา จึงได้ออกมาวิพากย์วิจารณ์นายกฯและรัฐบาลตลอดมา ไม่เคยชื่นชมในสิ่งที่รัฐบาลทำดีเลยสักเรื่อง จนประชาชนมีเสียงสะท้อนมาว่า เป็นถึงคุณหญิงควรที่แนะนำให้มีเหตุมีผลดีกว่านี้ อย่าทำตัวเป็นนักการเมืองที่จ้องแต่จะทิ่มแทงหวังล้มรัฐบาลตลอดเวลา ยังใช้วิธีเล่นการเมืองแบบน้ำเน่าที่ไม่ค่อยเสนอแนะในทางสร้างสรรค์ ได้แต่หวังจะตีกินทางการเมือง โดยไม่ยึดผลได้ผลเสียต่อประชาชน”