บุตรสาววัย 35 ปี ชาวอำเภอเขาชัยสน ร้องขอความช่วยเหลือ “ทนายนิพิฎฐ์” หลังติดใจสาเหตุการตายของพ่อ
1 min readบุตรสาววัย 35 ปี ชาวอำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ร้องขอความช่วยเหลือ “ทนายนิพิฎฐ์” หลังติดใจสาเหตุการตายของพ่อ พร้อมเตรียมรวบรวมหลักฐานยื่นเรื่องขอรื้อคดี
วันที่ 26 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา นางวารุณี จินดาวัลย์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ 8 ตำบลเขาชัยสน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง พร้อมญาติ ๆ เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ทนายความที่บ้านพักในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง หลังติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของนายสุธรรม เภาเส็น อายุ 56 ปี ผู้เป็นพ่อว่าไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุรถ จยย.ล้มบนถนนแต่เป็นการถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต
นางวารุณีฯ บุตรสาว เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 28กันยายน 2560 นายสุธรรมฯ ผู้เป็นพ่อได้ขับรถ จยย.ฮอนด้าสี แดง-ดำ ไม่ปิดแผ่นป้ายทะเบียนออกจากบ้านไปเกิดอุบัติเหตุรถเสียหลักล้มกลางถนน โดยเชื่อว่า น่าจะมีรถกระบะซึ่งมีผู้หญิงเป็นคนขับ ขับเลี้ยวเข้าบ้านอย่างกะทันหัน เหตุเกิดบนถนนสายบ้านท่านางพรหม-เขาชัยสน ท้องที่ หมู่ 3 ตำบลควนขนุน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ต่อมาผู้เป็นพ่อได้เสียชีวิตที่ รพ.พัทลุง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2561 โดยผู้เป็นพ่อมีบาดแผลยุบที่บริเวณใบหน้าด้านขวา และมีบาดแผลบริเวณท้ายทอยลักษณะไม่ใช่เกิดจากอุบัติเหตุ ทั้งการบอกเล่าจากชาวบ้านในละแวกนั้นบอกว่า ผู้เป็นพ่อถูกทำร้ายร่างกาย เนื่องจากหลังเกิดอุบัติเหตุผู้เป็นพ่อที่มีอาการเมาสุรา ได้ด่าทอหญิงคนที่ขับรถกระบะเลี้ยวเข้าบ้าน จนผู้เป็นสามีของหญิงคนดังกล่าวไม่พอใจ และใช้ไม้ลักษณะเสมือนฆ้อนทุบที่ท้ายทอยจนผู้เป็นพ่อสลบ ต้องนำส่ง รพ .เขาชัยสน ก่อนจะส่งต่อ รพ.พัทลุง และเสียชีวิตในเวลาต่อมาก โดยแพทย์ชันสูตรพบว่า กระดูกใบหน้าแตกและมีบาดแผลฉีกขาด กะโหลกและฐานกะโหลกศีรษะแตก สมองช้ำมีเลือดออกในสมอง แต่ไม่ชี้ชัดในสาเหตุการเกิดบาดแผลว่ามาจากการถูกทำร้ายหรือไม่
นางวารุณีฯ บุตรสาวของผู้เสียชีวิต ยังระบุด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนและทางญาติไม่เชื่อว่าผู้เป็นพ่อเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เขาชัยสน หลังพ่อเสียชีวิต พร้อมร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพัทลุง เพื่อขอความเป็นธรรม เดินเรื่องมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 61 จนถึงปี 64 แต่กลับไม่มีความกระจ่างในข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นโดย พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีสรุปเรื่องในชั้น โรงพักว่า ผู้เป็นพ่อเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถ จยย. ล้ม ทั้งที่กรณีดังกล่าวมีผู้รู้เห็นในเหตุการณ์ว่ามีการทะเลาะและการทำร้ายร่างกาย แต่ไม่มีใครกล้ามาเป็นพยานให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนจึงเดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อให้ความจริงได้กระจ่าง ครอบครัวของตนเองได้รับความเป็นธรรม สร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับสังคม และให้ผู้ก่อเหตุได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ โดยหลังจากนี้ทางครอบครัวจะเดินทางเข้ายื่นเรื่องกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง อีกครั้งในอาทิตย์หน้า เพื่อให้มีการสอบสวนคดีดังกล่าวโดยละเอียด
ด้านนายนิพิฏฐ์ ฯ ทนายความได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่าทางผู้เสียหายยังมีข้อติดใจและสงสัยในผลการสอบสวน ว่าอาจจะไม่ครบถ้วนโดยเฉพาะในการวินิจฉัย ทั้งในลักษณะบาดแผลที่ปรากฏในร่างกายของผู้ตายค่อยข้างจะมีความขัดแย้งกับการเกิดอุบัติเหตุ จึงทำให้ทางญาติผู้ตายไม่ปักใจเชื่อว่านายสุธรรมฯ จะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและยังเชื่ออยู่ว่าสาเหตุการตายน่าจะเกิดจากการถูกทำร้ายมากกว่า เพราะฉะนั้นจึงขอให้พนักงานสอบสวนได้สอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นเหล่านี้ใหม่อีกครั้ง โดยควรมีการจำลองภาพกราฟฟิกส์เทียบเคียงขณะเกิดเหตุว่า ถ้าความเร็วรถในระดับนี้ น้ำหนัก ความสูงผู้ตายระดับนี้รวมถึงรถจักรยานยนต์ของผู้ตายในลักษณะนี้ ถ้าวิ่งมาแล้วเกิดอุบัติเหตุสภาพบาดแผลของก็เสียชีวิตและสภาพความเสียหายของรถจะเป็นเช่นไรจะสอดคล้องกับการให้ปากคำของพยานหรือไม่อย่างไร
และญาติผู้ตายมีความรู้สึกว่าพยานที่ปรากฏในที่เกิดเหตุบางคนน่าจะให้การที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง หรืออาจจะปกปิดความจริงอยู่บางประการ เพราะว่าก่อนหน้านี้พยานบางท่านได้มาเจรจาเพื่อจะจ่ายค่าเสียหายให้กับทายาทของผู้ตาย แต่หลังจากที่พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนเสร็จก็เงียบหายไม่มีการติดต่อมาจ่ายค่าเสียหายตามที่เคยพูดคุยกันไว้ตอนแรก เพราะฉะนั้นจึงขอให้พนักงานสอบสวนเรียกพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุมาสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์คือ เครื่องจับเท็จประกอบในการให้การใหม่ของพยานด้วย เพื่อจะได้ทราบความจริงว่า พยานได้ให้การโดยเป็นเท็จหรือเปล่า และขอให้ถือน้ำหนักของเครื่องจับเท็จเป็นน้ำหนักหนึ่งในการสรุปสำนวนด้วย ซึ่งตน เชื่อว่าทั้งสองเรื่องอยู่ในวิสัยทัศน์ที่พนักงานสอบสวนสามารถทำได้