ปลัด สธ.ควงอธิบดีราชทัณฑ์บินด่วน! หลัง 120 รายในคุกติดเชื้อโควิด เผยเตรียมงัดมาตรการ BUBBLE AND SEAL คาดจะควบคุมโรคได้ภายใน 28 วัน
1 min readความคืบหน้าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในพื้นที่ทั้ง จ.สุราษฎร์ธานีและ จ.นราธิวาส ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา ที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 รายใหม่ จำนวน 6 ราย ซึ่งเป็นผู้ต้องขัง 5 คน และผู้คุม 1 คนจากเรือนจำกลางนราธิวาส อายุระหว่าง 20-42 ปี ที่เดินทางไปร่วมกิจกรรมการต่อต้านยาเสพติดที่โรงแรมไดมอนด์พลาซ่า อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ ที่จัดเป็นระลอกที่ 3 กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ที่สังคมให้ความสนใจ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่เกิดความวิตกกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ล่าสุดวันนี้ (4 เมษายน 2564) เวลา 13.00 น.นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เดินทางพร้อมนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายแพทย์วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ (ฝ่ายปฏิบัติการ) และคณะฯ โดยมีนายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส นายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ โดย นพ.เกียรติภูมิ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้เดินทางไปเข้าประชุมร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลาง จ.นราธิวาส เพื่อรับทราบสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกที่ 3 ก่อนจะเดินทางต่อไปยังเรือนจำจังหวัดนราธิวาส (แห่งใหม่) ตำบลลำภู อำเภอเมืองนราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยม รพ.สนาม ซึ่งตั้งอยู่ภายในเรือนจำแห่งนี้ว่าเป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่อย่างไร
ขณะเดียวกันนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ (ฝ่ายปฏิบัติการ) ได้เดินทางไปยังเรือนจำจังหวัดนราธิวาสทั้ง 2 แห่ง (ที่เก่าและที่ใหม่) ซึ่งที่เก่าตั้งอยู่ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส และที่ใหม่ตั้งอยู่ที่ตำบลลำภู อำเภอเมืองนราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ของเรือนจำ รวมทั้งติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 ก่อนจะได้เข้าไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามเช่นกัน
ทั้งนี้แนวทางการปฏิบัติในการควบคุมสถานการณ์ภายในเรือนจำ พบว่าขณะนี้ทางเรือนจำจังหวัดนราธิวาสได้จัดสถานที่เป็นโรงพยาบาลสนาม จำนวน 1 แห่ง ซึ่งกำหนดให้แดน 2 (สถานพยาบาล) เป็นโรงพยาบาลสนาม กรณีมีผู้ต้องขังติดเชื้อโควิดจำนวนมาก ซึ่งแดน 2 (พยาบาล) สามารถรองรับผู้ต้องขังได้ประมาณ 200 คน แต่หากมีผู้ต้องขังติดเชื้อโควิดเกิน 200 คน ที่เเดน 2 (สถานพยาบาล) จะรองรับได้ เรือนจำได้กำหนดใช้แดน 6 (แรกรับ) เป็นโรงพยาบาลสนาม ซึ่งจะรองรับผู้ต้องขังป่วยทั้งหมดได้ประมาณ 691 คน
ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ภายในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ที่ได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค โดยได้ดำเนินการสอบสวนโรค ทั้งนี้เรือนจำจังหวัดนราธิวาสมีผู้ต้องขังรวม 2,334 ราย และเจ้าหน้าที่เรือนจำ 97 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้สัมผัสเชื้อ 791 ราย จึงได้ทำการเก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อแล้ว 214 ราย พบติดเชื้อ 120 ราย แยกเป็นเจ้าหน้าที่เรือนจำ 24 ราย นักโทษชาย 94 ราย นักโทษหญิง 1 ราย และพยาบาลเรือนจำ 1 ราย โดยจังหวัดนราธิวาสได้ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยทุกราย เพื่อตรวจคัดกรองและนำเข้ากระบวนการดูแลตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของ จ.นราธิวาส พบว่า ขณะนี้ Scope ของกลุ่มที่ต้องดำเนินการเชิงรุกและเฝ้าระวังมีทั้งหมด 3 กลุ่มคือ 1.กลุ่มผู้คุมและผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส 2.กลุ่มที่เดินทางไปร่วมกิจกรรมที่โรงแรมไดมอนด์พลาซ่า จ.สุราษฎร์ธานี ที่มีทั้งสถานศึกษา หน่วยงานราชการในพื้นที่ จ.นราธิวาส ประมาณ 16 องค์กร และ 3.กลุ่มที่ไปร่วมกิจกรรมจากจังหวัดอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ในส่วนของจังหวัดนราธิวาส ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเดินทางกลับมาแล้ว และได้เข้ารายงานตัวที่ Local Quarantine ภายในสนามกีฬา กกท.จ.นราธิวาส โดยได้มีการไล่เรียง Timeline ของทุกคนอย่างละเอียด รวมทั้งเข้าระบบการคัดกรองตามกระบวนการของกระทรวงสาธารณสุข หากบุคคลใดผ่านการคัดกรองและยังไม่มีอาการ ให้กลับไปกักตัว Home Quarantine เป็นเวลา 14 วัน ส่วนบุคคลใดคัดกรองแล้วมีอาการหรือต้องสงสัย ต้องถูกกักตัวที่ Local Quarantine ที่รับจัดเตรียมไว้ให้
ทางด้านนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ตนเองได้รับรายงานจากทางสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสเมื่อ 2 วันก่อนพบว่ามีการระบาดของเชื้อโควิด-19 เกิดขึ้นในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นเรือนจำแห่งใหม่ พบว่าเข้าไปตรวจเนื่องจากมีเหตุเป็นผู้ป่วยมีอาการหนักและมีเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล ซึ่งตรวจพบเป็นครั้งแรกว่าเจ้าหน้าที่ติดเชื้อโควิด-19 จากคนไข้ที่ป่วยหนักและติดเชื้อ ซึ่งในขณะนี้กำลังหาสาเหตุของต้นเชื้ออยู่ โดยการตรวจเบื้องต้นซึ่งตรวจไปแล้ว 300 กว่าคน พบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 120 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมาก ทั้งนี้ระบบเรือนจำเป็นระบบปิดอยู่แล้ว ทำให้การควบคุมดูแลทำได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญมีสถานพยาบาลภายในเรือนจำ ซึ่งปรับเป็นโรงพยาบาลสนามที่จะคอยดูแลผู้ที่ติดเชื้อเป็นบวก โดยมีเตียงรองรับถึง 200 เตียงและยังสามารถขยายได้ 800 – 900 เตียง ซึ่งไม่มีปัญหาในการดูแลผู้ป่วยหากผู้ป่วยมีอาการหนักต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์และโรงพยาบาลใกล้เคียง ทั้งนี้ผู้ต้องขังทั้งหมดส่วนใหญ่เป็นคนแข็งแรง ในส่วนของผู้ต้องขังที่มีปัญหาทางด้านโรคประจำใจตัว อาทิ ความดัน เบาหวาน โรคอ้วน ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้เราจะให้การดูแลเป็นพิเศษ โดยเรือนจำจังหวัดนราธิวาสเหมาะที่จะใช้มาตรการบับเบิ้ลแอนด์ซีลที่มีประสบการณ์ที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยจะใช้มาตรการนี้เข้ามาซึ่งคิดว่าน่าจะควบคุมโรคได้ภายใน 28 วัน ซึ่งจะอยู่ในแผนควบคุมทั้งหมด โดยนักโทษใหม่ก็จะมีแดนแยกอยู่แล้วและนักโทษที่จำหน่ายก็จะเข้าไปอยู่ใน Local Quarantine อีก 14 วัน โดยจะควบคุมไม่ให้มีการแพร่เชื้อต่อไปได้ เพราะฉะนั้นจะมีการดูแลเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เราจะมีปริมาณคลังยาที่จะรักษาโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่สงขลาส่งมาให้ยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ หากเกิดกรณีรุนแรงที่จะต้องใช้ยา โดยสนับสนุนชุด PPE ให้กับเจ้าหน้าที่ทั้งหมด รวมถึงแนะนำวิธีการดูแลกรณีต้องอยู่กับผู้ติดเชื้อเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อ
ในส่วนของวัคซีนจะมีการฉีดวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่ในเรือนจำทุกคน และเจ้าหน้าที่ที่ดูแลด้านสาธารณสุข ซึ่งต้องมีการสัมผัสกับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง โดยผู้ที่มีความเสี่ยงสูง 1,000 กว่าคนกักตัวอยู่บ้าน และทำการตรวจเชื้อ ซึ่งสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ยังพบอยู่หลายแห่ง อาจเกิดจากการหละหลวมในการป้องกัน ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ซึ่งควรงดกิจกรรมต่างๆ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนเคร่งครัดในการดูแลตัวเองและลดการชุมนุมในที่มีคนเยอะ ที่สำคัญต้องระมัดระวังตัวเอง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19 ขึ้นอีก” ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าว
ส่วนนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ตนเองได้รับมอบหมายจาก รมว.ยุติธรรมและปลัดกระทรวงยุติธรรมให้เดินทางมาติดตามสถานการณ์ที่มีผู้ต้องขังและผู้คุมติดเชื้อ COVID-19 แยกเป็นผู้ต้องขัง 95 ราย และเจ้าหน้าที่เรือนจำ 25 ราย รวมเป็น 120 ราย ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องขังที่ติดเชื้อกักไว้ที่แดนพยาบาล ส่วนเจ้าหน้าที่ 20 รายกักไว้ที่เรือนจำเก่า อีก 5 รายเข้ารักษาตัวที่ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ ในส่วนมาตรการที่ตนเองได้กำชับไปยัง ผบ.เรือนจำมี 3 ระดับคือ 1.แยกแยะคนใกล้ชิดและครอบครัวไม่ให้ไปแพร่ระบาดข้างนอก 2.แยกแยะผู้ต้องขังที่ติดเชื้อออกจากคนที่ไม่มีเชื้อ รักษาให้หายให้ได้ และ 3.ดูเรื่อง รพ.สนาม ซึ่งเรือนจำนราธิวาสจัดไว้ที่แดนพยาบาล และที่แดน 6 มีพื้นที่ที่สามารถทำ รพ.สนามได้กรณีที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนเองได้มอบหมายให้รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์อยู่ในพื้นที่ ดูแลความเรียบร้อย ช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ขณะเดียวกันกรมราชทัณฑ์ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในเขต 9 มาช่วยเรือนจำนราธิวาสปฏิบัติหน้าที่ประมาณ 30 คน เพื่อเสริมอัตรากำลัง รวมทั้งได้สั่งงดเยี่ยมเป็นเวลา 1 เดือนทั่วประเทศ แต่ญาติสามารถซื้อของหรือฝากของหรือเยี่ยมผ่านคอนเฟอเรนซ์และระบบไลน์ได้ นอกจากนี้ยังกำชับให้ ผบ.เรือนจำดูแลครอบครัวเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังให้เรียบร้อยเช่นกัน
นายแพทย์วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ (ฝ่ายปฏิบัติการ) กล่าวว่า ขณะนี้ทางสาธารณสุขพื้นที่กำลังไล่เรียงไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อทุกรายอยู่ แต่ยังไม่ชัดเจน ขอเรียนว่ากรมราชทัณฑ์เป็นองค์กรปลายน้ำที่ต้องรับผิดชอบดูแลผู้ต้องขังคดีระหว่างเด็ดขาด ผู้ต้องกักกัน ผู้ต้องกักขังและชาวต่างด้าวที่เข้ามาอยู่กับเรา ตามกฎหมายที่ต้องดูแล และมีความเสี่ยงสูงที่อาจจะติดเชื้อ ขอเรียนต่อพี่น้องประชาชนชาว จ.นราธิวาสและภาคใต้ว่า ขณะนี้สถานการณ์ของโรคยังถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่เรือนจำ จ.นราธิวาสเท่านั้น ผู้ต้องขังได้รับสิทธิ์การดูแลรักษาอยู่อย่างครบถ้วนจากสาธารณสุขพื้นที่ การที่กรมราชทัณฑ์ได้จัดกิจกรรมคืนคนดีสู่สังคมต้านภัยยาเสพติด โดยกระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพที่โรงแรมไดมอนด์ ไม่พบว่ามีผู้ต้องขังจากจังหวัดอื่นๆติดเชื้อโควิด นอกจากผู้ต้องขังนราธิวาสที่ติดเชื้อก่อนเข้าร่วมกิจกรรม และขณะนี้ได้มีการรักษาตัวที่ รพ.สุราษฎร์ธานี ขอให้ประชาชนรับทราบว่าขณะนี้สถานการณ์ต่างๆอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพื้นที่แล้วทั้ง 2 จังหวัดโดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ลงมาบัญชาการ มอบหมายให้ทุกฝ่ายดำเนินการเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ภาพ/ข่าว นูอารีซ๊ะ ยะยือริ ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดนราธิวาส