ตำรวจอุดรฯ คุมตัว ”ไอ้โจ้” พร้อมแฟนสาว ทำแผนขับเก๋งแหกด่านใช้ปืนยิงรถตราโล่ตำรวจ
1 min readวันที่ 7 เมษายน 2564 เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.อ.พันธุ์เพชร เหล่ากำดหนิดเพชร ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.ท.สุรชิต ฤทธิลี รอง ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.ธานินท์ อินทร์กอง รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.อรรคพล ยี่เกาะ สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.ต.บรรจง พาโคตร สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วยตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดอุดรธานี ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี และตำรวจจราจร ได้ควบคุมตัว นายพนาไพร จันทรเสนา หรือโจ้ อายุ 36 ปี ชาว ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี และ น.ส.วรัญญา พาเที่ยม หรือตุ่น อายุ 35 ปี ชาว ต.ทับกุง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ในข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามอำนาจหน้าที่ หรือเพราะที่จะกระทำ หรือได้กระทำการตามหน้าที่ , ร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้าและยาไอซ์) ไว้ในครอบครอบเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย , ร่วมกันพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุอันควร , ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือไม่มีเหตุสมควร , ร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน , ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และวิ่งราวทรัพย์
หลังก่อเหตุขับรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าแจ๊ส สีขาว ทะเบียน1 กษ 7931 กรุงเทพมหานคร เป็นทะเบียนปลอม แหกด่านตำรวจจราจร สภ.เมืองอุดรธานี ขณะปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอลล์ บนถนนมิตรภาพ อุดร-หนองคาย บ้านเก่าน้อย ต.หนองบัว ก่อนถึงทางลอดอุโมงค์ ขาเข้าตัวเมืองอุดรธานี ชนกรวยยางฝ่าด่านตรวจออกมา ก่อนที่จะใช้เส้นทางต่างๆในตัวเมืองอุดรธานีหลบหนี แล้วมาจนมุมบริเวณ ซ.มิตรสว่าง 3 ชุมชนทุ่งสว่าง เขตเทศบาลนคร ซึ่งไม่สามารถขับต่อไปได้ เป็นทางทางพาดรถไฟมีเสากั้น และข้ามคลองไปชุมชนหนองเหล็ก ลงจากรถเปิดฉากใช้อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม.ยิงใส่รถตราโล่ตำรวจ รวม 12 นัด ที่จอดอยู่ห่างกันประมาณ 5 เมตร เพื่อเปิดทางวิ่งหลบหนี ก่อนคนร้ายทั้งสองคน จะพากันวิ่งข้ามสะพานคลองส่งน้ำไปในชุมชนหนองเหล็ก ซึ่งมีภาพกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ เป็นหลักฐาน ซึ่งคนร้ายที่เป็นผู้ชายได้ใช้อาวุธปืนพกไปชิงรถจักรยานยนต์ชาวบ้านขี่หลบหนีไป แล้วนำรถจยย. ไปทิ้ง บ้านนาทราย ตำบลหนองขอนกว้าง ใกล้กับรั้วกำแพง สนามม้า ห่างจุดใช้ปืนยิงรถตำรวจไป5 กิโลเมตร ก่อนตำรวจบุกเข้าไปจับกุมทั้งคู่ได้ที่บ้านญาติพร้อมของกลางอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ยี่ห้อก๊อก สีดำ ลำกล้องขนาด 9 มม.ที่ บ.โพนทอง ต.อุ่มจาน อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี
ในวันที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา ควบคุมตัวพร้อมของกลางมาสอบสวนให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้พากันขับรถไปส่งยาบ้าให้ลูกค้าในเขตพื้นที่ อ.บ้านผือ และกำลังจะกลับบ้าน พบด่านตำรวจจึงตกใจกลัว และขับรถแหกด่านตำรวจ เพราะภายในรถมีของผิดกฎหมาย เป็นอาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก กระสุน 1 กล่อง อาวุธปืนบบีกัน1 กระบอก ,ยาบ้า และยาไอซ์ ก่อนไปจนมุมที่บริเวณทางตัน จึงตัดสินใจยิงใส่รถตำรวจเพื่อเปิดทางพากันหลบหนี
โดยจุดแรกควบคุมตัวทั้ง 2 คน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอลล์ บนถนนมิตรภาพ อุดร-หนองคาย บ้านเก่าน้อย ต.หนองบัว ก่อนถึงทางลอดอุโมงค์ และจุดที่ 2 ซึ่งเป็นบริเวณที่คนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่รถตำรวจจราจร เพื่อเปิดทางหลบพากันวิ่งหลบหนี ก่อนถูกตำรวจสืบทราบและเข้าจับกุมตัวได้ในที่สุด ซึ่งขณะทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ได้มีชาวบ้านมายืนมุงดูจำนวนมาก เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ที่คนร้ายกล้าก่อเหตุใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่รถตำรวจ อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองแต่อย่างใด ซึ่งนายพนาไพรฯคนร้ายได้ยกมือไหว้ขอโทษเจ้าของรถจักรยานยนต์ที่ ถูกชิงไปขณะกำลังจะเปิดประตูรั้วเข้าบ้าน
นายพนาไพร จันทรเสนา หรือโจ้ ให้การรับสาภาพว่า อาวุธปืนที่ใช้ยิงต่อสู้ตำรวจได้ติดต่อซื้อกับคนรู้จักกันที่อยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ในราคา68,000 บาท ทั้ง2 กระบอก เป็นครั้งแรกที่ยิงใส่ตำรวจ เพื่อต้องกสารเปิดทางหนี เท่านั้นเอง ในคืนเกิดเหตุ ตนขับรถไปแฟนจะพากันไปเที่ยว แต่ก็เจอด่านตำรวจ จึงได้ขับแหกด่านหลบหนี แต่ตำรวจขับรถไล่ตาม แล้วมาจนมุมขับต่อไปไม่ได้ จึงได้ตัดสินยิงปืนใส่รถตำรวจ หวังเปิดทางหลบหนีไปให้ได้
พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี คนร้ายให้การรับสาภาพว่าเป็นคนก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่รถตำรวจจราจร เพื่อเปิดทางหลบหนี และไปกบดานอยู่ที่บ้านญาติในพื้นที่ อ.ประจักษ์ศิลปาคม ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดอุดรธานี เข้าจับกุมตัวคนร้ายทั้งสองคน โดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บและสูญเสีย ตามยุทธวิธีที่ฝึกกันมาตลอด ส่วนผู้ร่วมขบวนการค้ายาเสพติด ทางเราจะทำการสอบสวนผู้ต้องหา เพื่อขยายผลการจับกุมให้สิ้นซาก
น.ส.เพ็ญพร ทันนาสุระ อายุ 38 ปี แม่ค้าร้านของชำปากซอยหนองเหล็ก 4 เปิดเผยว่า ในคืนเกิดเหตุพอทราบข่าวว่ามีคนร้ายยิงต่อสู้กับตำรวจ รู้สึกพากันหวาดกลัวทั้งชุมชน และ รู้สึกมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดี และขอบคุณตำรวจที่ปิดคดีได้อย่างรวดเร็ว เพราะคนร้ายก่อเหตุไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง โดยยิงใส่รถตำรวจเสียงดังสนั่นไปทั่วชุมชน และหากยังจับตัวไม่ได้เกรงว่าชาวบ้านจะไม่ปลอดภัยดังกล่าว
ภาพ/ข่าว นายกฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี