สุรินทร์ สาววัย 35 ปี ลาออกจากงาน มาทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ ร้องเรียนผู้สื่อข่าว ถูกโครงการลอกหนองน้ำในหมู่บ้าน นำดินมาถมสระน้ำแหล่งน้ำดั่งเดิม
1 min readสุรินทร์ สาววัย 35 ปี ลาออกจากงาน มาทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ ร้องเรียนผู้สื่อข่าว ถูกโครงการลอกหนองน้ำในหมู่บ้าน นำดินมาถมสระน้ำแหล่งน้ำดั่งเดิม และเป็นทางน้ำไหล หวั่นน้ำท่วมไร่นาสวนผสม ขณะที่ปลัด อบต.เรียกประชุมประชาคมหมู่บ้าน หยุดถมสระน้ำ และให้นำดินไปถมที่ป่าช้าเก่า
วันที่(12 ก.ค.64) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียน จาก น.ส.ขวัญดารา คุตะวัน อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 90 หมู่ 5 ต.หัวงัว อ.สนม จ.สุรินทร์ ว่าตนเอง พร้อมด้วยผู้เป็นแม่ และพี่ชาย ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการขุดลอกหนองน้ำบ้านกาพระ ต.หัวงัว อ.สนม จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นโครงการขุดลอกหนองน้ำสาธารณะประโยชน์ ภายในหมู่บ้านเพื่อกักเก็บน้ำ ไว้ใช้อุปโภค บริโภค ในหมู่บ้าน แต่ว่า มีการนำดินที่ขุดลอกหนองน้ำ มาทิ้งในอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหนองน้ำเก่า ขุดมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลคึกฤทธิ์ เป็นสระน้ำหรือบึง ตามที่ชาวบ้านเรียกกัน หากถมจนเต็มพื้นที่ สระน้ำที่เคยกักเก็บน้ำหรือเป็นทางน้ำไหล ทั้งไหลเข้าหนองกาพระ และไหลออกจากหนองกาพะ ไปยังที่นา ก็จะไม่มีที่จะไหลไป ก็จะไหลมาท่วมที่นาตนเอง ที่ลงทุนปลูกข้าว เลี้ยงไก่ ปลูกต้นไม้ ปลูกไม้ผลหลากหลายชนิด ทำไร่นาสวนผสมตามแนวทางเกษตรทฤษฏีใหม่ แบบพอเพียง
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อดูข้อเท็จจริงและความเดือดร้อนของผู้ร้องเรียน พบว่า บริเวณรอบๆวัดบ้านกาพระ เป็นหนองน้ำสาธารณะประโยชน์ขนาดใหญ่ กำลังมีผู้รับเหมากำลังมีการขุดลอกดินภายในหนองน้ำขึ้นมาถมในพื้นที่บริเวณรอบๆวัด และบางส่วนได้มีการนำดินไปถมบริเวณสระน้ำเก่าหรือบึง ไปบางส่วน ตามที่น.ส.ขวัญดารา ได้ร้องเรียนมาแล้ว โดยมีการขุดคัดคลองน้ำดันดินลงไปถมในสระน้ำหรือบึง ซึ่ง น.ส.ขวัญดารา ได้นำผู้สื่อข่าวเดินดูบริเวณสระน้ำเก่า ที่มีน้ำขัง และใช้เป็นแหล่งน้ำทำการเกษตรและใช้เลี้ยงสัตว์ วัว ควาย
น.ส.ขวัญดารา กล่าวว่า ตนเองไม่อยากให้มีการนำดินมาถมในบริเวณสระน้ำหรือบึงแห่งนี้ เพราะเป็นสระน้ำเก่าแก่ของหมู่บ้านสร้างมาตั้งแต่ช่วงรัฐบาลคึกฤทธิ์ ตามที่ปู่ย่าเล่าให้ฟัง เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในอดีต หากเขาถมดินจนเต็มสระน้ำแห่งนี้ตนเองก็จะได้รับความเดือดร้อนมาก น้ำก็จะท่วมไร่นา ที่ตนเองกำลังลงมือทำการเกษตรตามแนวทางฤทษฏีใหม่ เกษตรพอเพียงเลี้ยงไก่ ปลูกพืชไม้ผล ไม้ยืนต้น แบบไร่นาสวนผสม ตนเองยอมลาออกจากงาน พนักงานออฟฟิศ มาได้ 2 ปี เพื่อมาทำการเกษตรตามแนวทางฤทษฏีใหม่ มาทำอยู่กับแม่ แต่ เมื่อมีการขุดลอกหนองน้ำกาพะ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน ทาง อบต.ก็ให้นำดินมาถมสระน้ำ ซึ่งเดิมเป็นทางน้ำไหลหากน้ำเต็มหนองกาพะ น้ำก็จะไหลออก และหากน้ำจากข้างบน มีเยอะไหลลงมา ที่สระน้ำหรือบึงแห่งนี้แล้วก็จะมีประตูเปิดให้น้ำไหลลงหนองกาพะ เสียดายแห่งน้ำแห่งนี้หากถมจริงตนเองกับเจ้าของที่นาที่อยู่ติดกันนายทองคำ บุญเลิศ ผู้ใหญ่บ้านสองห้อง ตนคัดค้านการถมสระน้ำแห่งนี้ และได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.สนม แล้ว และได้แจ้งให้ นายสะอาด ห้าวหาญ ผู้ใหญ่บ้านกาพระ และ แจ้ง ให้ นายก อบต.หัวงัว ได้รับทราบถึงความเดือดร้อน และทั้งการรางวัดชี้แนวเขตระหว่างที่นาตนเอง กับสระน้ำหรือบึงที่อยู่ติดที่นาตนเอง หลังจากการรางวัดแนวเขต ในเบื้องตน ตนเองไม่ได้ลุกล้ำเข้าไปในสระน้ำหรือบึงแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ ที่ดินได้ปักมุดชี้แนวเขตดั่งเดิมให้แล้ว
จึงอยากให้ อบต.หัวงัว แก้ไขปัญหา ไม่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชน ในขณะเดียวกันในวันนี้ เวลา 16.00 น.ที่ศาลาประชาคม ในหมู่บ้านกาพระ ต.หัวงัว นางธิยาภรณ์ วงศ์วิไล ปลัด อบต.หัวงัว พร้อมด้วยนายสะอาด ห้าวหาญ ผู้ใหญ่บ้านกาพะ พร้อมด้วยกรรมการควบคุมการขุดลอกหนองน้ำบ้านกาพะ นายช่าง อบต.หัวงัว ได้เรียกประชุมประชาคมหมู่บ้าน มีชาวบ้านเข้าประชุมประชาคม กว่า 30 คน
โดยนางธิยาภรณ์ วงศ์วิไล ปลัด อบต.หัวงัว ได้ชี้แจงกรณี ที่จาก น.ส.ขวัญดารา คุตะวัน ร้องคัดค้านการนำดินจากการขุดลอกหนองกาพะ มาทิ้งที่สระน้ำหรือบึง และเกรงว่า เมื่อถมเสร็จแล้วน้ำจะท่วมไร่นาสวนผสม จะได้รับความเดือดร้อน โดย ปลัด อบต.ยืนยันว่า ทั้งนายก อบต.และตนเอง ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลการขุดลอกหนองน้ำกาพระ ได้รับทราบถึงความเดือดร้อน ของประชาชน เราไม่อยากให้ประชาชน แม้แต่คนเดียวได้รับความเดือดร้อน เมื่อทราบปัญหาแล้ว ก็ได้สั่งหยุด ไม่ให้มีการนำดินไปถมในบริเวณสระน้ำหรือบึง ที่อยู่ติดกัน และจะมีการรางวัดแนวเขตใหม่อีกครั้ง ในส่วนที่เป็นถนนของสระน้ำ มีขนาดกว้าง 3 เมตร หรือ 5 เมตร ซึ่งจะต้องยืนตามการรางวัดที่ดิน และจะให้ผู้รับเหมา นำดินไปถมในที่ดินป่าช้าเก่า ซึ่งอยู่ออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร และได้สอบถามชาวบ้านที่มาประชุมประชาคม มีใครคัดค้านหรือไม่ ซึ่งทุกคนยกเห็นด้วยกับแนวทาง ปลัด อบต.หัวงัว ในการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งสัญญาว่าจ้างก็จะสิ้นสุดลงในวันที่ 27 ก.ค.2564 นี้ หากไม่เสร็จตามกำหนด ผุ้รับเหมาก็จะถูกปรับวันละ 2,000 กว่า บาท
นางธิยาภรณ์ วงศ์วิไล ปลัด อบต.หัวงัว กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทาง อบต.ได้ออกมาไกล่เกลี่ยกรณีที่เกิดปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนร้องทุกข์กรณีที่มีการนำดินไปถมที่สระน้ำเป็นที่สาธารณะในความดูแลของบ้านกาพะ ซึ่งทาง อบต.ได้ดำเนินการจ้างตามสัญญาจ้าง และทาง อบต.ได้รับแจ้งจากผู้ที่มีพื้นที่ข้างเคียงที่ถมดินว่าในโอกาสข้างหน้าอาจจะได้รับผลกระทบ จากการที่น้ำจะไม่มีทางไหลผ่าน น้ำจะเอ่อท่วมขังในนาข้าว อบต.หัวงัว ได้มาทำความเข้าใจกับชาวบ้าน โดยปกติการนำดินไปทิ้งในที่สาธารณะก็ชอบด้วยกฎหมาย แต่เมื่อทิ้งแล้วมีผู้ได้รับผลกระทบแม้กระทั่งรายเดียว เมื่อได้รับแจ้ง ทาง อบต.ไม่ได้เพิกเฉย เราก็ใส่ใจมาแก้ไขปัญหาให้ วันนี้มีการประชุมประชาชน ก็ได้ข้อสรุปว่าการรางวัดแนวเขต เราจะรางวัดแนวเขตในที่ ที่เราจะถมไปก่อนแต่ยังไม่เสร็จสิ้น เพราะว่าจะต้องมีแนวเขตทางสาธารณะ ที่อยู่รอบหนองบึง เราจะต้องยื่นคำขอรางวัด ผ่านท่าน นายอำเภอสนม เพื่อขอรางวัลจากสำนักงานที่ดินจังหวัดสุรินทร์ สาขาอำเภอท่าตูม ในขณะที่สัญญาจ้างก็ใกล้จะสิ้นสุดในการส่งมอบงานแล้วก็ได้แจ้งชาวบ้านว่าเมื่อเกิดปัญหาอย่างนี้ก็ได้ข้อตกลงร่วมกันว่าจะไม่ให้ผู้รับจ้างนำดินมาทิ้งดินในบริเวณนี้ หากมีการรางวัดที่ชัดเจนในอนาคต ทาง อบต.ก็จะได้ออกมาทำแนวเขตที่ชัดเจนเพื่อป้องกันการบุกรุกซึ่งก็เป็นที่พอใจของผู้ได้รับความเดือดและชาวบ้านที่มาประชุมร่วมกันในวันนี้
สำหรับโครงการขุดลอกหนองน้ำกาพระ บ้านกาพระ ต.หัวงัว อ.สนม จ.สุรินทร์ ในการกำกับดูแลของ อบต.หัวงัว บนเนื้อที่ 24 ไร่ 3 งาน เดิมความลึก 2 เมตร ลึกลงต่อจากพื้นเดิมไปอีก 2 เมตร เฉลี่ย ลึก 4 เมตร ด้วยงบประมาณที่ตั้งไว้ 1,800,000 บาท ขณะที่ผู้รับเหมาประมูลงานได้ในราคา 1,050,000 บาท
สำหรับโครงการขุดลอกหนองน้ำกาพระ บ้านกาพระ ต.หัวงัว อ.สนม จ.สุรินทร์ ในการกำกับดูแลของ อบต.หัวงัว บนเนื้อที่ 24 ไร่ 3 งาน เดิมความลึก 2 เมตร ลึกลงต่อจากพื้นเดิมไปอีก 2 เมตร เฉลี่ย ลึก 4 เมตร ด้วยงบประมาณที่ตั้งไว้ 1,800,000 บาท ขณะที่ผู้รับเหมาประมูลงานได้ในราคา 1,050,000 บาท
Loading…