“อานนท์ แสนน่าน” น้อมรับหาก ”ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ” ฟ้องดำเนินคดีเพราะทุกอย่างเป็นความจริง

“อานนท์ แสนน่าน” น้อมรับหาก ”ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ” ฟ้องดำเนินคดีเพราะทุกอย่างเป็นความจริง จะได้แฉเพิ่มเงินเยียวยาและเงินขับเคลื่อนคนเสื้อแดงไปอยู่ไหน อย่าน้อยใจที่ทำม็อบไม่เข้าตานายทุนคนมาน้อยเสื้อแดงไม่ยอมออกมา เตือนแล้วว่าม็อบนี้ปิดท้ายด้วยการเผาบ้านเผาเมือง

วันที่ (16 สิงหาคม 2564) นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง และ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย ได้ออกมาเปิดเผยว่า จากที่ตนรวมพลังอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง 4 ภาค และ อดีตสหายเก่า ผกค.มาต่อต้านขัดขวาง “ม็อบ 15 สิงหาคม” หรือ “ม็อบล้มเจ้า” ที่มี “คุณณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ” เป็นแกนนำนั้น ตนคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องหาเรื่องพาลตนเองแน่นอน เพราะคนเสื้อแดงออกมาร่วม “ม็อบ 15 สิงหา” จำนวนน้อยมาก และปิดท้ายด้วยการ “เผาบ้านเผาเมือง” ส่งผลทำให้เพื่อนพ้องน้องพี่คนเสื้อแดง และ ประชาชนทั่วทั้งประเทศไทยออกมาด่าสาปแช่ง จึงทำให้ คุณณัฐวุฒิ โมโหเตรียมจัดส่งทนายความมาแจ้งความดำเนินคดีกับตนเอง ตนก็ขอน้อมรับเพราะว่า “ความจริงก็คือความจริง” ตนจะได้สอบถามว่า “เงินเยียวยา” พี่น้องคนเสื้อแดงที่ติดคุก บาดเจ็บ และ ล้มตายไปไหน และการยกทัพของคนเสื้อแดงต่างจังหวัด คุณณัฐวุฒิ จะเป็นผู้รับผิดชอบ โดยจะให้เงินมาเหมารถทัวร์ รถตู้ และ จ่ายค่ารถยนต์ส่วนตัว บางจังหวัดได้รับเงินบางจังหวัดไม่ได้รับเงิน จึงทำให้คนเสื้อแดง หลังเหตุการณ์สลาย 19 พฤษภาคม 2553 ลดน้อยลง ต่อเนื่องมาถึงปลายปี พ.ศ. 2556 และ ต้นปี พ.ศ. 2557 คนจากหมู่บ้านเสื้อแดงของตนทั่วทุกภูมิภาคนำมวลชนมาร่วมชุมชน เงินค่าพาหนะและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไปอยู่ไหน มิหนำซ้ำวันนี้น “รถตู้จากหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งแรกของประเทศไทยถูกเผา” มวลชนถูกจับและได้รับบาดยังไม่มีการช่วยเหลือแต่ทราบว่ามีนายทุนมาช่วยเหลือแล้วแต่เงินก็หาย ถ้าวันนั้น ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ “พี่แรมโบ้” ไม่เอาเงินส่วนตัวมาช่วยเหลือตนเองและคณะตนมีหวังติดหนี้หัวโตแน่นอน ยังจะกล้าออกมาพูดปฏิเสธอีกว่าแกนนำหลายคน “สู้แล้วไม่รวย” เราทราบดีทุกคนอยู่แล้วว่าในปี 2554 มีทุนการช่วยเหลือพี่น้องคนเสื้อแดงที่ติดคุก บาดเจ็บ และ เสียชีวิต แต่ก็มีเพียงตนเองและคณะที่เอาเงินส่วนตัวที่ได้มาจากการรับบริจาคออกไปมอบเงินให้กับครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะจังหวัดอุดรธานี จังหวัดทางภาคอีสานและภาคเหนือ

นายอานนท์ กล่าวอีกว่า ทุกคนทราบดีอยู่แล้วแกนนำไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ ไม่มีทรัพย์สมบัติ หรือ “เงินกงสี” แต่อย่างใดแล้วทำไมทุกคนถึงมีบ้าน มีรถ มีเงินอยู่ในธนาคาร จำนวนมาก อย่าให้ตนเองและสมาชิกทาง “จังหวัดบึงกาฬ” นำแจ้งเพิ่มเติมนะครับว่า สวนยางพาราจำนวนมาก ๆ เป็นร้อยไร่พันไร่เป็นของใคร แล้วเอาใครมาสวมชื่อแทน หรือยังมีอีกเยอะไม่ว่าจะเป็น “จังหวัดลำพูน” และ จังหวัดทางภาคใต้ ทำไมพวกตนถึงทราบเพราะว่า “เราคือหมู่บ้านเสื้อแดง” ที่มีมวลชนมาจากประชาชนรากหญ้า เป็นชาวไร่ชาวนาอย่างแท้จริง ที่พวกตนไม่ออกไปร่วมม็อบในครั้งนี้ก็เพราะว่า “เจ็บแล้วต้องจำ” ไม่อยากให้คนเสื้อแดง หรือ อดีตคนเสื้อแดง ออกไปติดคุก บาดเจ็บ และ ล้มตายอีก

“…ตนเตือนแล้วใช่มั๊ยครับว่า ม็อบ 15 สิงหาคม นี้จะควบคุมไม่ได้เพราะเป้าหมายคนละอย่าง แกนนำต้องการที่จะออกมาสร้างภาพให้นายทุนเห็น แต่อีกกลุ่มต้องการที่จะไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อจะเชื่อมโยงไปสู่การล้มเจ้าไม่เอาสถาบันพระมหากษํตริย์ และสุดท้ายแกนนำก็หนีตายทิ้งมวลชน ปล่อยให้เยาวชนออกมาเผาบ้านเผาเมืองเช่นเดิม นี่แหล่ะครับที่เขาเรียกว่าแกนนำ อย่าทิ้งมวลชนอีกเลย…”