พิจิตร บังคับคดีเข้าวัดหลวงพ่อเงินบางคลานตรวจสอบทรัพย์สินถูกกลุ่มศิษย์อดีตเจ้าอาวาสปลุกม็อบขวาง
1 min readความวุ่นวายของวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ที่เป็นมหากาพย์ ยาวนานยืดเยื้อมาเกือบ 10 ปี ดูแนวโน้มคงจะสงบลงได้ยาก ล่าสุดบังคับคดีปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาล แต่ปรากฎว่าถูกกลุ่มลูกศิษย์อดีตเจ้าอาวาสปลุกม็อบขัดขวางเจ้าพนักงานไม่สนใจ ไม่เกรงกลัว ไม่ยำเกรงกฎหมาย กำลังตำรวจนับร้อยเข้าควบคุมสถานการณ์แต่ก็ไม่ราบรื่น งานนี้คงต้องมีคนนอนคุก เหตุเคยถูกคำพิพากษาจำคุกรอลงอาญา แต่ไม่หลาบจำยังทำอีก
ความเดิมพระครูพิสุทธิวรากร รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือวัดบางคลาน ไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้เนื่องจากถูกขัดขวางจากกลุ่มลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาส และอดีตเจ้าอาวาสไม่ยอมส่งมอบทรัพย์สินให้แก่พระครูพิสุทธิวรากร รักษาการเจ้าอาวาส จนมีการฟ้องร้องให้มีการส่งมอบทรัพย์สิน และมีการฟ้องร้องขับไล่ลูกศิษย์อดีตเจ้าอาวาส จนศาลฎีกามีคำพิพากษาให้อดีตเจ้าอาวาส ส่งมอบทรัพย์สิน และศาลจังหวัดพิจิตรมีคำพิพากษาให้ขับไล่กลุ่มลูกศิษย์พร้อมทั้งให้ขนย้ายสิ่งของออกจากวัดห้ามเข้ายุ่งเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน
วันที่ 19 ธ.ค. 2562 นางพรพิมล พลเดช ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดพิจิตร , นายกิตติศักดิ์ แก้ววิเชียร ผอ.กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ,
นายบุญเลิศ ศิริษา นายอำเภอโพทะเล , พ.ต.อ.วิสุทธิ์ คล้ายแสง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร โพทะเล พร้อมด้วยกำลังตำรวจและ อส. ในพื้นที่รวมกับตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตรเกือบ 100 นาย ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ตามที่ พระครูพิสุทธิวรากร รักษาการเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน ได้ร้องขอเพื่อใช้สิทธิตามกฎหมายและตามคำพิพากษาศาลฎีกา เจ้าหน้าที่บังคับคดีพร้อมทั้งฝ่ายโจทย์ คือ ไวยาวัจกร ได้พยายามจะเข้าไปในวิหารสีขาว ซึ่งเป็นที่เก็บวัตถุมงคล โดยต้องตัดกุญแจเข้าไปในห้องเก็บวัตถุมงคลที่พบเจอวัตถุมงคลอยู่ในกล่องจำนวนมาก และสมุดบัญชีที่จดบันทึก รายรับ-รายจ่าย ของเมื่อปี พ.ศ.2545 และ สมุดบัญชีอื่นๆอีกหลายรายการ ที่ล้วนเป็นหลักฐานสำคัญ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่บังคับคดีก็พยายามจะเข้าตรวจสอบจุดอื่นๆรวมแล้ว 11 แห่ง แต่กลับถูกกลุ่มบุคคลที่ล้วนเป็นกลุ่มที่เคยตกเป็นผู้ต้องหา เคยตกเป็นจำเลย ในคดีบุกรุก และคดีอื่นๆ ยกพวกกันมาขัดขวางเจ้าหน้าที่บังคับคดีที่พยายามทำหน้าที่ โดยใช้มวลชนมาตะโกนโห่ร้องกล่าวคำไม่สุภาพ รวมถึงขว้างปาสิ่งของเข้าใส่ทั้งๆที่มีกำลังตำรวจและอส.นับร้อยคนควบคุมสถานการณ์อยู่ก็ตามทำให้การทำงานในครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก จนไม่สามารถเข้าตรวจสอบได้ครบทั้ง 11 แห่ง ภายในวัดดังกล่าว และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ปิดประกาศขับไล่ตามคำพิพากษาศาลพิจิตรอีกด้วย
สำหรับเหตุการณ์การขัดขวางเจ้าพนักงานในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่ง ให้ข้อมูลว่าจะต้องทำรายงานศาลยุติธรรมไปตามระบบหากมีผู้หนึ่งผู้ใดที่ประพฤติตนวุ่นวายขัดขวางในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บังคับคดีแล้วบุคคลผู้นั้นเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกรอลงอาญา โดยมีเงื่อนไขห้ามยุ่งเกี่ยวหรือเข้ามาในวัด รวมถึงห้ามประพฤติตนวุ่นวายขัดขวางการทำงานของ รักษาการเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน ก็ขอให้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี ซึ่งจะต้องรับโทษจำคุกจากคราวที่รอลงอาญาบวกรวมกลับความผิดที่ได้กระทำในครั้งนี้บวกรวมเข้าไปด้วย ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีกลุ่มบุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาลงโทษจำคุก แต่ศาลเมตตาให้กลับตัวกลับใจ โทษจำคุกให้รอลงอาญา ซึ่งในกลุ่มผู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บังคับคดีในครั้งนี้ล้วนมีคนหน้าเก่าๆมากกว่า 10 คน ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่บันทึกภาพและคลิปวีดีโอไว้อย่างชัดเจน ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าคราวนี้จะต้องโทษจำคุกจริงๆเสียแล้ว ซึ่งหากมีความคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะได้รายงานให้ทราบต่อไป
ภาพ/ข่าว สิทธิพจน์ พิจิตร