ตำรวจเพื่อประชาชน ข่าวชัด ต.ค.64
1 min readตำรวจเพื่อประชาชน ข่าวชัด ต.ค.64
ตำรวจต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน
มีความสะเทือนใจ พอสมควร เมื่อตำรวจนอกแถว ถูกไล่ออกกว่าร้อยคน และปลดออกอีกจำนวนหนึ่ง ทุกคนมีคดีความแตกต่างกันไป ที่สุด ทุกคนหนีกฎแห่งกรรมไม่พ้น ถูกดำเนินคดีอาญา ข้าราชการตำรวจทุกนาย หากอยู่ในแถวจวบจนเกษียณอายุราชการ นั่นคือตำรวจที่รู้จักตัวตนว่าการเข้ารับราชการตำรวจมีจุดหมายอะไร มิใช่เข้ามาเพื่อเป็นนายประชาชน หรือกระทำการเยี่ยงโจร เสียเอง
วิถีข้าราชการตำรวจไม่เหมือนวิถีข้าราชการหน่วยอื่นๆ ตำรวจเป็นได้ทั้งนายประชาชน และใต้ผู้บังคับบัญชานาย ที่ผ่านมา มีตำรวจปฏิบัติหน้าที่นอกแถว ทั้งข่มขู่ ตบทรพย์ ใช้อำนาจหน้าที่ไม่สมเหตุ สมผล เช่นแสดงตัว อวดบารมี ว่าเป็นตำรวจ เป็นต้น บุคคลเหล่านั้น สตช. สมควรให้ออกจากราชการดีที่สุด เพื่อลดความมัวหมองแก่ สตช.และตำรวจน้ำดี
แม้ ตำรวจจะมีมาตรการต่างๆ กำหนดไว้เป็นวินัยตำรวจและระเบียบปฏิบัติแล้ว ก็ตาม นั่นคือกระดาษเปื้อนหมึกแผ่นหนึ่งเท่านั้น ไม่มีคุณค่า จึงมีตำรวจขาดจิตสำนึก ละเมิดระเบียบวินัยเสียเอง เมื่อโอกาสอำนวย
เป็นธรรมดาทุกสังคม ย่อม มีคนดี คนเลว ปะปนกัน ดูรูปลักษณ์ภายนอก อาจรู้ไม่ได้ในจิตสำนึกและความประพฤติส่วนตัว บางคนอาจหลงผิดเพราะเพื่อนพาไป บางคนอาจหลงผิดเพราะเหตุการณ์บังคับ ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ นอกเหนือกฎเกณฑ์ที่วางไว้
ในขณะที่ มีตำรวจจำนวนไม่น้อย สละความสุข ไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลทุกข์สุข แก่ประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องพลีชีพในแต่ละปี ตำรวจเหล่านั้น มีความเป็นอยู่ไม่สุขสบายเหมือนตำรวจในเมือง เช้ายันเย็นค่ำมืด ต้องอยู่เวร เข้ายาม ตามคำสั่ง มีอาวุธประจำกายเท่านั้น ที่เป็นเพื่อน ถนนหนทางทุกแห่ง มีอันตราย ต้องหวาดระแวงเมื่อใบไม้ถูกลมพัด เพราะนั่นไม่แน่ว่าสัญญาณความตายหรือไม่ ทุกชีวิตต้องตื่นตัวตลอดเวลา ก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ ทุกนายต้องฝึกฝนทบทวน การใช้อาวุธป้องกันตัว มีสติตลอดเวลา ในการเดินทางลาดตระเวน ถนนสายรองทุกสายในหมู่บ้าน
หลายชีวิตรอด หลายชีวิตพลีชีพแตกต่างกัน แตกต่างกันกับตำรวจเมือง ที่เต็มไปด้วยแสง สี กิเลส อันเป็นชนวนให้ตำรวจเดินและหลงผิด ยืนนอกแถวเมื่อมือเปื้อนสีเทา
ที่ผ่านมา มีตำรวจส่วนน้อยเท่านั้น ที่หลงผิด คิดนอกลู่ เผลอคิดว่าตนคือกฎหมาย กระทำการอันละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างจงใจและไม่จงใจ แต่ความผิดนั้น หาอยู่เหนือกฎแห่งกรรม ใครกระทำอะไรไว้ ต้องได้รับผลตอบแทนเช่นนั้น ดั่งตำรวจที่ถูกไล่ออกจากราชการ แม้เวลานี้อดีตตำรวจบางคน อาจคิดได้ว่า หากหวนคืนกลับสู่อดีต คงไม่คิดชั่วเช่นนั้น เพราะเมื่อไร้เครื่องแบบก็เปรียบเสมือนไร้เกาะป้องกันตัว ไม่มีคุณค่าอะไรในสังคมเมือง คงถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศต่อวิชาชีพตนเอง
เครื่องแบบตำรวจนั้นคือ ตราของแผ่นดิน ไปสู่จุดใดผู้คนยำเกรง ให้เกียรติ เพราะเป็นหนึ่งในผู้รักษากฎหมาย แต่เมื่อผู้รักษากฎหมายละเมิดเสียเอง ก็จะพบจุดจบ ไม่ต่างกับวายร้ายคนหนึ่งในสังคม
การโยกย้ายประจำปีนี้ของตำรวจ เงียบเหงาไม่หวือหวา เช่นปีที่ผ่านมา เพราะ ผบ.ตร. กำชับล่วงหน้า ห้ามซื้อขายเก้าอี้ หากพบไม่เลี้ยงแน่ ดังนั้นทุกอย่างหายเข้ากลีบเมฆ เงียบสนิท ถ้าเป็นเช่นนี้ได้ทุกปี ตำรวจทุกนาย จะได้ไหลลื่น ตามอาวุโส
ยิ่งในช่วงเกิดอุทกภัย ตำรวจในพื้นที่ประสบอุทกภัยต้องเพิ่มงานอีกเท่าตัว งานป้องกันเหตุอาชญากรรมต่างๆแล้ว จะต้องมาสนับสนุนงาน บรรเทาทุกข์ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยออกตรวจพื้นที่ ป้องกันเหตุซ้ำซ้อน นั่นคือตำรวจของประชาชน
อส.ตร.