ตำรวจตามรวบแม่ค้าออนไลน์ก่อนเชิดเงินหนี รวมค่าเสียหายกว่า 7 ล้านบาท โดยหลอกขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น เอ็กซ์อาร์
1 min readวันที่ 24 ต.ค.64 ที่ สภ.สามโคก จ.ปทุมธานี พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภูธรภาค1 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม น.ส.รุ้งไพลิน อินทรพัฒน์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 390 ถนนคลองเรียน 1 ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงชลา ตามหมายจับ จำนวน 2 หมาย ดังนี้ 1.หมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 133/2564 ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2564 ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” และ 2.หมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ 330/2564 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2564 ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” โดยสามารถตามจับกุม น.ส.รุ้งไพลิน ได้ที่จับกุม หน้าบ้านเลขที่ 429/6 ถนนธรรมนูญวิถี ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 14.30 น.ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวมาที่ สภ.สามโคก จ.ปทุมธานี
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 กล่าวว่า ตามนโยบายของ พล.ต.อ.เอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและเป็นภัยต่อสังคม โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งมีการหลอกลวงประชาชนโดยใช้สื่อสังคมออนไลน์(Social Media) เป็นจำนวนมาก
ต่อมา ตร.ชุดสืบสวนสอบสวน ภาค 1 พร้อมชุดสืบสวน สภ.สามโคก ทำการสืบสวนจับกุม ผู้กระทำความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับ ผู้กระทำความผิด โดยการหลอกลวงประชาชน โดยใช้สื่อสังคมอนไลน์(Social Media) และได้ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.รุ้งไพลิน อินทรพัฒน์ อายุ 23 ปี ตามหมายจับดังกล่าว
โดยพฤติการณ์ กล่าวคือ ก่อนเกิดเหตุ น.ส.รุ้งไพลิน อินทรพัฒน์ (ผู้ต้องหา) ได้ประกาศหลอกขายสินค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น เอ็กซ์อาร์ (Iphone XR) สีดำ ขนาด 64 Gb ในราคาประมาณ 11,000-12,000 บาท ในแอปพลิเคชั่นอินสตาแกรม(Instagram) ที่รับฝากขายสินค้าประเภทไอที ซึ่ง น.ส.รุ้งไพลินฯผู้ต้องหา ได้ลงรายละเอียดของข้อมูลสินค้าพร้อมข้อมูลการ ติดต่อซื้อ-ขายสินค้าระหว่างกัน โดยเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อและสนใจซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่ฯที่น.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา) ที่ประกาศเอกสารประชาสัมพันธ์หลอกขาย ผู้เสียหายจะไปติดต่อซื้อโทรศัพท์ฯกับน.ส.รุ้งไพลินฯผู้ต้องหาผ่านทางแอปพลิเคชั่นไลน์(Line)กับตัวน.ส.รุ้งไพลินฯผู้ต้องหา โดยระหว่างที่พูดคุยซื้อ-ขายกันอยู่นั้น น.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา) จะใช้กลอุบายสร้างความน่าเชื่อถือ ว่ามีสินค้าฯจริง และจะแถมอุปกรณ์เสริมจำนวนหลายรายการให้ ซึ่งสร้างความน่าเชื่อถือ และแรงจูงใจ ในการซื้อโทรศัพท์ฯให้กับผู้เสียหาย และเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้ตกลงราคาซื้อ-ขายแล้วเรียบร้อยแล้ว น.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา) จะส่งบัญชีธนาคารของ น.ส.รุ้งไพลินฯ ให้กับผู้เสียหายไว้สำหรับโอนเงินชำระค้าโทรศัพท์ฯ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงินให้กับน.ส.รุ้งไพลินฯผู้ต้องหาไป น.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา)ไม่ยอมส่งสินค้าโทรศัพท์ฯ ให้กับผู้เสียหาย และเมื่อผู้เสียหายได้ทวงถาม น.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา) ก็ได้บ่ายเบี่ยงที่จะส่งสินค้า และจะบล็อกผู้เสียหายทันที จนไม่สามารถติดต่อตัวน.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา)ได้ ต่อมาผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ดำเนินคดีกับน.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา) จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติหมายจับต่อศาลฯ ตามรายละเอียดข้างต้น เพื่อสืบสวนติดตามตัวน.ส.รุ้งไพลินฯ (ผู้ต้องหา) มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ได้ตรวจสอบพบว่า น.ส.รุ้งไพลินฯผู้ต้องหา ติดอยู่ในกลุ่มผู้ขายสินค้าที่ควรระวัง ใน www.blacklistseller.com และคดีนี้มีผู้หลงเชื่อตกเป็นผู้เสียหายมากกว่า 100 คน มูลค่าหลายล้านบาท อยู่ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย โดย น.ส.รุ้งไพลินฯผู้ต้องหา มีเงินหมุดเวียนในบัญชีธนาคาร ของตนเองกว่า 7,000,000 บาท และ ซึ่งก่อนหน้าที่จะถูกจับกุมในคดีนี้ น.ส.รุ้งไพลินฯผู้ต้องหา เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจรถไฟ จับกุมมาก่อน เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564 ในเขต จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ยังไม่เข็ดหลาบ และได้ก่อเหตุในรูปแบบเดียวกันจนปัจจุบันทั้งนี้ จะเห็นว่าการหลอกลวงประชาชนโดยใช้สื่อสังคมออนไลน์(Social Media) ปัจจุบันมีจำนวนมาก และในแต่ละคดีมักจะมีผู้เสียหายจำนวนมากและมูลค้าความเสียหายหลายล้านบาท ตำรวจภูธรภาค 1 จึงได้จัดทำ QR CODE สำหรับรับแจ้งเหตุเบื้องต้น กรณี น.ส.รุ้งไพลินฯผู้ต้องหา หลอกขายสินค้าออนไลน์ ในกรณีนี้เพื่อใช้ในการสืบสวนปราบปรามและจับกุมการกระทำความผิดอย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ซึ่งก่อนหน้าที่จะถูกจับกุมในคดีนี้ น.ส.รุ้งไพลินฯผู้ต้องหา เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจรถไฟ จับกุมมาก่อน เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564 ในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ยังไม่เข็ดหลาบ
ภาพ/ข่าว สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม รายงาน