เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย และคณะเข้าเยี่ยมพบปะแม่ทัพภาคที่ 4 ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ยังประเทศไทย
1 min readวันที่ 27 ตุลาคม 2564 เวลา 14.00 น. ณ ห้องรับรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ให้การต้อนรับ ฯพณฯ ระห์หมัด บูดีมัน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทยและคณะในโอกาสเข้ารับตำแหน่งที่ประเทศไทย และรับทราบเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ตลอดจนสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 อย่างเคร่งครัด
ฯพณฯ ระห์หมัด บูดีมัน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ได้กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาเยือน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในครั้งนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา อินโดนีเซียและไทยได้มีการแลกเปลี่ยนพัฒนาสัมพันธ์ระหว่างกันด้วยดีเสมอมา มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แบ่งปันประสบการณ์กันอย่างต่อเนื่อง และจากการได้ลงมาสัมผัสในพื้นที่ ได้เห็นว่าสถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้น ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้น่ากังวลใจ และเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายในประเทศ มาครั้งนี้เพื่อมากระชับความสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้น อินโดนีเซียพร้อมที่จะสนับสนุน และให้ความร่วมมือในทุกด้าน เพื่อพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
ด้านพลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า นับเป็นโอกาสที่ดีที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้ต้อนรับและพบปะหารือกับท่าน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทยและคณะซึ่งถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและอินโดนีเซีย อีกทั้งได้ชี้แจงแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่ให้รับทราบ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ทั้งนี้พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความศรัทธาในอิสลามและอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง โดยรัฐบาลให้การดูแลพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดีด้วยความเท่าเทียม ขณะนี้สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นอยากมาก รัฐบาลได้คำถึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นสำคัญ และใช้หลักการ กระบวนการสันติภาพในการแก้ไขปัญหา ผ่านการพูดคุยเพื่อหาหนทางในการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี เราไม่นิยมความรุนแรง เพราะความรุนแรงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ยังแต่จะทำให้เกิดความสูญเสียแก่ทุกฝ่าย และขอขอบคุณทางอินโดนีเซียที่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาเสมอมา จากนี้ คาดหวังว่า หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 คลี่คลายลง ไทยคงจะได้ไปเยือนอินโดนีเซีย โดยเฉพาะที่จังหวัดอาเจะห์อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้สมัย พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก ได้นำคณะไปเยือนอาเจะห์ เพื่อลงนามความร่วมมือด้านการทหาร ระหว่างไทย-อินโดนีเชีย และร่วมถอดบทเรียนการแก้ไขปัญหาในอดีต เพื่อนำไปสู่แนวทางการพัฒนาความร่วมมือการแก้ไขปัญหาในอนาคตร่วมกันอย่างยั่งยืนมาแล้ว ทำให้ได้เห็นบทเรียนของความรุนแรงที่ก่อให้เกิดความสูญเสียแก่ทุกฝ่าย
นอกจากนี้แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ฝากประเด็นสำคัญ ในเรื่องยาเสพติดที่เป็นภัยร้ายทำลายประเทศ ซึ่งปัจจุบันไทยเป็นทางผ่านของยาเสพติดที่ถูกลำเลียงส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นปัญหาสำคัญที่ไทยและอินโดนีเซียจะต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลและร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เห็นด้วยที่จะจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นภัยคุกคามของทั้งสองประเทศ และพร้อมสนับสนุนในทุกด้าน