หลานคลั่งแทงป้าดับ!! สารภาพว่าเสพยาแล้วซดน้ำยาเร่งรากมันสำปะหลังเข้าเกิดอาการหลอนขึ้นมา
1 min readจากกรณีที่ นายพิทักษ์ สันรัมย์ หรือบิ๊ก อายุ 35 ปี ชาว ต.หนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ที่มีอาการป่วยทางจิตและขาดยารักษาอาการอย่างต่อเนื่อง เสพยาบ้าและซดน้ำยาเร่งรากมันสำปะหลัง จนเกิดอาการหลอนและคลุ้มคลั่งอาละวาดในมือมีอาวุธมีดทำครัว เจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านได้เข้าระงับเหตุ และช่วยกันวิ่งไล่จับ ก่อนหนุ่มคลั่งจะวิ่งเข้าไปในบ้านของ นางจิตต์ นามกระโทก อายุ 74 ปี ป้าแท้ๆ และใช้มีดจี้ป้าเป็นตัวประกันอยู่ภายในบ้านเลขที่ 94 ม.7 ต.หนองบัวบาน ตำรวจเกลี้ยกล่อมอยู่นานเกือบ 1 ชั่วโมง ก่อนตัดสินใจพังประตูเข้าไปช่วยเหลือ หลังจากหลานชายของป้าอีกคนเห็นหนุ่มคลั่งใช้มีดแทงและปากคอป้าบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลหนองวัวซอ ส่วนหนุ่มคลั่งหลังถูกควบคุมตัว ชาวบ้านและญาติที่โกรธแค้น ระงับอารมณ์ไม่อยู่ได้รุมประชาทัณฑ์
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ที่สภ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ,พ.ต.อ.เสฎฐพงศ์ สุประเพียร ผกก.สภ.หนองวัวซอ ,พ.ต.ท.สิทธิพงษ์ ปัญจนะ รอง ผกก.สอบสวน สภ.หนองวัวซอ ,พ.ต.ท.สถิตย์ ชัยธานี สว.สอบสวน สภ.หนองวัวซอ เจ้าของคดี ร่วมกันสอบสวนปากคำ นายพิทักษ์ สันรัมย์ หรือบิ๊ก ผู้ก่อเหตุ ต่อหน้า นางอัมพร ไชยจินดา อายุ 47 ปี ลูกสาวผู้ตาย และเป็นญาติของผู้ก่อเหตุ
พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า จากการสอบสวนปากคำ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ขอชดใช้กรรมในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ เพราะฤทธิ์ของการเสพยาบ้าเข้าไป2 เม็ด และดื่มน้ำยาเร่งรากมันสำปะหลังที่ดื่มเข้าไป ทำให้ขาดสติและเกิดอาการหลอนคลุ้มคลั่งอาละวาด กลัวคนจะมาฆ่าและทำร้าย ประกอบกับผู้ต้องหาเคยมีอาการทางจิตประสาท เมื่อ 5-6 ปี ที่ผ่านมา และไม่กินยารักษาอาการอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้หลังจากประเมินอาการของผู้ต้องหาและสถานการณ์ ทางตำรวจจะไม่ควบคุมผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ เนื่องจากผู้ต้องหามีอาการทางจิตประสาท พูดจายังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไรและเกรงว่าจะถูกรุมประชาทัณฑ์ ซึ่งหลังจากสอบสวนปากคำแล้วเสร็จ ทางตำรวจได้มอบเงินทำบุญช่วยงานศพให้กับญาติผู้ตายจำนวนหนึ่งด้วย
โดยนายพิทักษ์ สันรัมย์ หรือบิ๊ก ได้สำนึกผิด ไปก้มลงกราบ ลูกสาวของผู้ตาย เพื่อขออโหสิกรรมในสิ่งที่กระทำลงไป โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดอุดรธานี เดินทางมาให้คำแนะนำกับญาติ ในเรื่องสิทธิประโยชน์การเยียวยาเหยื่ออาชญากรรม
ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปบ้านที่เกิดเหตุ และเป็นที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน เพื่อจุดธูปคาราวะศพผู้ตาย และได้พูดคุยกับ นางสะมาตร ไวยศักดิ์ อายุ 58 ปี น้องสาวผู้ตายและเป็นอาของผู้ต้องหา เพื่อแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสอบถามเรื่องราวพฤติกรรมและอาการทางจิตประสาทของผู้ต้องหา ก่อนที่จะก่อเหตุสลดครั้งนี้ และจะมีการฌาปนกิจศพผู้ตาย ช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ หรือ วันที่ 6 พ.ย.64 ภายในวัดประจำหมู่บ้าน
นายพนมศักดิ์ ขันทองคำ อายุ 45 ปี สท.ตำบลหนองบัวบาน ผู้อยู่ในเหตุการณ์และเข้าระงับเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อวานช่วงเที่ยง นายบิ๊ก มีอาการคุล้มคลั่งเหมือนขาดยา ถือมีดวิ่งรอบหมู่บ้าน ลูกสาวผู้ตายวิ่งไปบอกตนโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ให้มาช่วยควบคุมตัวไปรักษาอาการ พอรถกู้ชีพฯ และตำรวจมาถึง นายบิ๊ก ก็วิ่งหลบหนีเข้าไปในซอย ก่อนจะวิ่งหลบหนีเข้าไปในบ้านของป้า หรือบ้านผู้ตาย ตนและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เกลี้ยกล่อมอยู่เกือบ 1 ชม. ก็ไม่ยอมออกมาจากบ้าน จึงงัดประตูเข้าไปในบ้าน พบว่าในมือนายบิ๊กมีมีด จึงพากันถอยออกมา และนายบิ๊กก็ยังคงอยู่ในอาการหวาดระแวง เพราะมีตำรวจล้อมบ้านทั้งสองฝั่ง ก่อนที่นายบิ๊กจะใช้มีดปาดคอและใบหน้าของป้า เมื่อรู้ว่าผู้ตายถูกหลานชายทำร้าย จึงพากันตัดสินใจบุกเข้าไปควบคุมตัวนายบิ๊ก และนำตัวผู้ตายรีบส่ง รพ.หนองวัวซอ เพื่อช่วยเหลือชีวิตและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนนายบิ๊ก มีอาชีพรับจ้างทั่วไป เคยมีประวัติเรื่องยาเสพติดและจิตเวช ระยะหลังคงขาดยารักษาอาการต่อเนื่อง ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นแต่ไม่รุนแรงขนาดนี้ ในส่วนของเรื่องยาเร่งรากที่ใช้แช่มันสำปะหลัง ซึ่งคาดว่าขณะที่นายบิ๊ก เกิดอาการคลุ้มคลั่งคงหยิบมาดื่มโดยไม่รู้ตัว เพราะอยู่ในอาการหลอนยาบ้า ก่อนก่อเหตุสลดฆ่าปาดคอป้าแท้ๆของตัวเอง
น.ส.วิไล จำปีหอม อายุ 39 ปี เพื่อนบ้านของผู้ตาย บอกว่า วันเกิดเหตุตนก็ยืนอยู่ใกล้บ้านของผู้ตาย เห็นตำรวจและชาวบ้านวิ่งไล่จับนายบิ๊กไปรอบหมู่บ้าน แล้วก็วิ่งเข้าไปหลบในบ้านผู้ตาย ซึ่งตนรู้สึกกลัวและตกใจมาก โดยเห็นนายบิ๊กผลักยายเข้าไปในบ้าน จนยายล้มแล้วก็ปิดล็อคประตูหน้าต่างไว้ และกลัวว่านายบิ๊กจะมาทำร้ายตน จึงวิ่งหลบหนีไปที่อื่น เพราะในมือนายบั๊กมีมีด ตนมารู้อีกทีว่านายบิ๊กฆ่าปาดคอป้าแท้ๆก็รู้สึกสลดหดหู่ใจ และเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่คิดว่าหลานจะฆ่าผู้ตายได้ลงคอ คิดเพียงแค่ว่าคงจะขังยายไว้เป็นตัวประกันเฉยๆ
ด้าน พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังสอบปากคำผู้ต้องหาแล้วเสร็จ ได้มาบ้านที่บ้านของผู้ตาย เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุเพิ่มเติม จากการพูดคุยกับญาติ ทราบว่านางจิต ได้เลี้ยงดู นายพิทักษ์ฯหรือนายบิ๊ก มาตั้งแต่เล็กหลังพ่อเสียชีวิตตั้งแต่เด็กและแม่ก็เพิ่งเสียชีวิตไป 1 ปีกว่า โดยนายพิทักษ์ฯ อ้างว่าได้เสพยาบ้า และดื่มยาเร่งรากมันสำปะหลัง จึงเกิดอาการหลอนขาดสติ ทางเราจึงมาหาพยานหลักฐานในส่วนนี้เพิ่มเติม
จากการสอบถามญาติทราบว่า นายพิทักษ์ฯเป็นบุคคลที่น่าสงสาร และอยู่ในการดูแลของผู้ตายและญาติ สาหตุของอาการคลุ้มคลั่งคาดว่า นายพิทักษ์ฯ อาจจะมีการเสพยาเสพติดมาก่อนก่อเหตุ ในส่วนเรื่องการดื่มยาเร่งรากนั้น ต้องสอบสวนพยานอีกครั้ง หากพบจะส่งพิสูจน์และตรวจสอบว่ามีสรรพคุณเช่นไรทำให้มีอาการคลุ้มคลั่งรุนแรงแบบนี้ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปทราบว่า ยาเร่งรากไม่ควรนำไปดื่ม จนเกิดอาการและเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ และแจ้งข้อกล่าวหา” ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ภาพ/ข่าว นายกฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี