พี่ชายแจ้งจับแฟนน้อง! เชื่อผสมยาบ้าในอาหาร ให้พ่อแม่กินจนหลอน
1 min read
ลูกชายอดีตข้าราชการตำรวจร้องพ่อ และแม่ ถูกมิจฉาชีพแฝงตัวมา อยู่ในครอบครัวจากการทำความรู้จักทางเฟสบุ๊ค ก่อนลอบผสมสารเสพติดในอาหารให้ผู้เป็นพ่อ และแม่กินจนเกิดอาการหลอนหวังผลประโยชน์ในทรัพย์สินเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวัง ภัยคุกคามใกล้ตัวผ่านช่องทางโซเชี่ยล
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 71 หมู่ 1 ตำบลปันแต อ.ควนขนุน จังหวัดพัทลุง หลังรับเรื่องร้องเรียนจาก นายพงษ์ศา เทพพิชัย อายุ 40 ปี ให้ช่วยติดตามคดี หลังเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ควนขนุน เอาผิดกับบุคคลที่อ้างชื่อนางสาวเปมิกา หรือแป้ง สีดลจิตร อายุ 34 ปี และนางลักศมีกานต์ หรือ น้อย ศิริตันหยง อายุ 61ปี อ้างแอบเอายาเสพติดผสมในอาหารให้ ร.ต.อ.สุชีพ เทพพิชัย อายุ 63 ปี อดีตข้าราชการตำรวจ สภ .ควนขนุน ผู้เป็นพ่อของตน นางวรรณี เทพพิชัย อายุ 64 ปี อดีตข้าราชการครู รร แหลมโตนด ผู้เป็นแม่ของตน กิน จนเกิดอาการหลอน เหมือนผู้ป่วยจิตเวช
นายพงษ์ศา ฯ บอกว่า ก่อนหน้านี้ นายเบส อายุ 30 ปี น้องชายของตนรู้จักกับนางสาวเปมิกา หรือ แป้ง ผ่านทางเฟสบุ๊ค ทั้งสองมีการพูดคุยสร้างความสนิทสนมจนถึงขั้นคบหากันเป็นแฟน โดยนางสาวแป้ง อ้างว่า ครอบครัวเขาเดือดร้อน ขอมาอาศัยอยู่ด้วยที่บ้านในพื้นที่ ตำบลปันแต อ.ควนขนุน จังหวัดพัทลุง จากนั้นนางสาวแป้ง พร้อมด้วยนางลักศมีกานต์ หรือ น้อย ซึ่งอ้างว่าเป็นแม่ของแป้ง ได้ขนย้ายข้าวของมาอยู่ที่บ้าน ในช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา
หลังจากที่นางสาวแป้ง และนางน้อย เข้ามาอยู่ในบ้าน ร.ต.อ.สุชีพ ผู้เป็นพ่อ และนางวรรณี ผู้เป็นแม่ของตนมีอาการผิดปกติ หวาดระแวง เชื่องซึม ชอบเก็บตัว ไม่ค่อยพูดค่อยจา นอนไม่หลับ โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวเอง ญาติต้องมารับตัวไปดูแลอย่างใกล้ชิดที่จังหวัดกระบี่ ระหว่างรอตนเดินทางลงมาจาก กทม
หลังตนลงมาจาก กทม. ในช่วงเดือน กันยายน ได้พาพ่อ และแม่ไปหาหมอที่ รพ พัทลุง แพทย์วินิจฉัยว่าเกิดจากความเครียด จากสภาพแวดล้อม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ ไม่มีโรคประจำตัวใด ๆ
แต่อาการทั้งคู่ก็ไม่ดีขึ้นมีความหวาดระแวง หวาดกลัว เพิ่มมากขึ้นตามลำดับรวมทั้งเมื่อดูพฤติกรรมของแป้ง และนางน้อย ที่เข้ามาอยู่ในบ้านก็ผิดปกติพยายามหลอกล่อให้ ทั้งพ่อ และแม่ของตน ทำธุระกรรมทางการเงิน ทำประกันชีวิต และร้องขอให้นายเบส น้องชายตนแต่งงานและจดทะเบียนด้วย ที่สำคัญพ่อเคยพบยาเสพติดในบ้าน ตนจึงพาผู้เป็นพ่อ และแม่ เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ควนขนุน ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
พร้อมได้ส่ง ร.ต.อ.สุชีพ และนางวรรณี ตรวจร่างกายที่ รพ สงขลานครินทร์ ผลตรวจ ของ รพ สงขลานครินทร์ ระบุว่า พ่อแม่ และของตนมีอาการซึมเศร้าขั้นรุนแรง และมีอาการทางจิต ช่วงนั้นสมาชิกในครอบครัวมีความเครียดกันมาก เพราะไม่รู้สาเหตุการป่วยของผู้เป็นพ่อ และแม่ เรื่องจากทั้งคู่เป็นคนแข็งแรง ตนจึงหันมาตรวจสอบประวัติของนางสาวแป้ง แฟนของน้องชาย และนางน้อย ผู้ที่อ้างว่าเป็นแม่ของนางสาวแป้ง อย่างจริงจัง พบประวัติไม่น่าไว้ใจ โดยเฉพาะ นางสาวแป้ง ได้เปลี่ยนชื่อมาหลายรอบ ทั้งยังมีการพบยาเสพติดจำนวนหนึ่งในรถเบนซ์ ของทั้งคู่ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.434 พัทลุง เข้าตรวจสอบ เรื่องยาเสพติดที่บ้าน แต่ทาง ตำรวจ ระบุนางสาวแป้ง และนางน้อย เป็นผู้ป่วยจิตเวช ทำอะไรไม่ได้ ทั้งไม่เจอของกลางยาเสพติด และขณะตน นำนางสาวแป้ง ส่ง รพ พัทลุงเพื่อทำการตรวจรักษา ว่าป่วยจิตเวชหรือเปล่า ปรากฏว่านางน้อย ที่อ้างว่าเป็นแม่ของนางสาวแป้ง ได้หนีออกจากบ้านไป พร้อมเอกสารสำคัญของพ่อ แม่ตน เช่น บัตร ปชช บัตรข้าราชการ สำเนาทะเบียนบ้าน วุฒิการศึกษาของนางวรรณี
หลังจากนั้น ตนได้ประสาน ตำรวจ สภ.ควนขนุนขอให้ทำเรื่องถึง รพ ศิริราชเพื่อ เพื่อส่งหลักฐานเป็นอาหารในบ้านตรวจ พร้อมร้องขอให้ทาง รพ ศิริราชได้มีการตรวจเส้นผม ของพ่อ และแม่ ซึ่งผลการตรวจออกมาปรากฏพบสารเมทแอมเฟตามีน ในเส้นผมของทั้ง สองคน จึงพยายามพูดคุยกับพ่อ และแม่ ถึงความผิดปกติ จึงเชื่อว่า นางสาวแป้ง และนางน้อย เป็นคนวางยาเอาสารเสพติดผสมให้อาหารให้พ่อ แม่ ของตนกิน
ร.ต.อ.สุชีพ และนางวรรณี สองสามีภรรยาผู้ตกเป็นเหยื่อ เล่าให้สื่อฟังว่า หลังนางสาวแป้ง และนางน้อย สองแม่ลูก เข้ามาอยู่ในบ้าน ทั้งคู่จะอาสาเป็นคนทำกับข้าวให้คนในครอบครัวกิน แต่ผิดปกติตรงที่ทั้งคู่ไม่ยอมกินอาหารจานเดียวกับที่พวกตนกิน โดยทั้งคู่ จะทำกินแยกส่วนโดยกินก่อนที่พวกตนจะกินหรือ บางครั้งก็กินเฉพาะมาม่า และอาหารที่ออกไปซื้อมาจาก ข้างนอก จนกระทั่งพวกตนเกิดอาการผิดปกติ เหมือนคนเป็นโรคประสาท ครอบครัวเริ่มมีปัญหา มีความระแวง ทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้ง หวาดกลัว จึงเชื่อว่านางสาวแป้งและ นางน้อย ต้องทำอะไรกับพวกตนอย่างแน่นอน
ตอนนี้ พวกตนเข้ารับการรักษาอาการป่วย หมอให้ทานยาต่อเนื่อง และอาการโดยรวมดีขึ้นเรื่อย ๆ
ด้านนาย เบส แฟนของนางสาวแป้ง บอกกับทีมข่าวว่า ตนยอมรับว่าตนและแป้ง เสพยาเสพติดชนิด ไอซ์ จริง โดยมาเริ่มเสพอีกครั้งตอนที่รู้จักและคบหากับแป้ง และแอบเสพกันภายในห้องนอนที่บ้านโดยที่พ่อ และแม่ไม่รู้ หลังเกิดเรื่อง ทั้งสองคนหายจากบ้านไป ตนได้พูดคุยกับแป้ง ถามว่า มาวางยาพ่อ กับแม่ตนทำไม แต่นางสาวแป้ง แฟนสาว ก็ทำมีนไม่รู้เรื่อง ส่วนตนตอนนี้เข้ารับการบำบัด อาการดีขึ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดีนายพงษ์ศา ฯ บอกด้วยว่า ตนยอมรับ กรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวตน ตนเชื่อว่าเป็นมิจฉาชีพที่ทำกันเป็นขบวนการ เพราะหลังตรวจสอบ พบว่า ทั้งนางสาวแป้งและนางน้อยไม่ใช่แม่ลุกกัน จริง ๆ ทั้งยังมีการปลอมเฟสมาคุกคามตนและสมาชิกในครอบครัวต่อเนื่อง เรื่องนี้เชื่อว่า มีคนอยู่เบื้องหลังมากกว่า นางสาวแป้ง และนางน้อย อาจจะมีชาวต่างชาติมาเข้าร่วมในขบวนการ เข้ามาเกี่ยวข้องหวังจะยึดเอาทรัพย์สิน เพื่อแปรเป็นเงินทอง โดยใช้ช่องโหว่งทางกฎหมายในการแฝงมาเป็นบุคคลในครอบครัว เมื่อไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เลยไม่คอยได้รับความสนใจและให้ความสำคัญ เพราะถือเป็นเรื่องภายในครอบครัว โชคที่ครอบครัวของตัวเองไหวตัวทัน ก่อนที่จะสูญเสียไปมากกว่า จึงขอฝากเตือนไปยังประชาชนทั่วไปให้เพิ่มความระมัดระวัง อย่าไว้ใจใครที่รู้จักกันในโซเชียว เพราะสังคมทุกวันนี้น่ากลัว
ทั้งยังฝากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยเร่งดำเนินการในคดีดังกล่าว พร้อมขยายผลการสอบสวนไปในทุกเรื่องที่มีการกล่าวอ้างถึง และหากมีประชาชนได้แจ้งความพร้อมร้องขอความช่วยเหลือแม้จะเป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่ขอให้เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญ เพราะบางเรื่องอาจจะหมายถึงชีวิตของเขาเหล่านั้น
พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก. ภจว. พัทลุง กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ตำรวจต้องสอบทั้งพยานบุคคล ที่เกี่ยวข้องและเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ทั้งหมด ควบคู่กับการรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทุก ด้าน ก่อนจะสรุปคดีต่อไป
ภาพ/ข่าว ทีมข่าวจังหวัดพัทลุง