นครปฐม หลวงพ่อบัวเจ้าอาวาสวัดสัมปทวนจมน้ำมรณะภาพ
1 min readเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2564 เวลา 07.30 น.ที่อำเภอนครชัยศรี วัดสัมปทวน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุเจ้าอาวาสวัดสัมปทวนจมน้ำเสียชีวิตหน้ากุฏิภายในวัด จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมรุดไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุพร้อมด้วยชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนครชัยศรีเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม
ที่เกิดเหตุภายในวัดสัมปทวน อำเภอนครชัยศรี พบลูกศิษย์เจ้าอาวาสจำนวนหนึ่งยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบด้านหน้ากุฏิพมมีน้ำท่วมขังพบร่างพระครูสุนทร เจ้าอาวาสวัดสัมปทวน หรือที่ชาวบ้านเรียกกัน หลวงพ่อบัวในสภาพคว่ำหน้าจมอยู่ในนำ้ อยู่หน้าห้องสุขาลอยนำ้ ประกอบกับมีน้ำท่วมสูงประมาณ หัวเข่าหรือประมาณ 50-60 เซ็นติเมตร
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.นครชัยศรีแพทย์โรงพยาบาลห้วยพลูได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐมนำร่างหลวงพ่อบัวขึ้นมาจากนำ้ในสภาพร่างหลวงพ่อบัวแข็ง เสียชีวิตมาประมาณ 4 ชั่วโมง จากการสันนิฐานคาดว่าหลวงพ่อบัวอาจจะเดินมาตามสะพานที่ทำเอาไว้และอาจจะเดินไปเข้าห้องนำ้อาจพลาดตกนำ้ทำให้มรณะภาพ ดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้นำร่างหลวงพ่อบัวไปชันสูตรเบื่องต้นที่โรงพยาบาลห้วยพลู ในส่วนของสาเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนสอบถามผู้ที่เห็นเหตุการณ์หรือผู้ที่มาพบร่างหลวงพ่อบัวมาทำการสอบถามเพิ่มเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
หลวงพ่อบัว หรือพระครูสุนทร ธรรมานุยุทธ เจ้าอาวาสวัดสัมปทวนอายุ 87 ปี หลวงพ่อ บัว บวชมา 55 พรรษา ชื่อเดิมนายบัว เย็นกาย เป็นคนจังหวัดเพชรบุรี ได้ย้ายมาอยู่ที่วัดสัมปทวนเมื่อปี พศ.2514เป็นพระที่อยู่ในระเบียบวินัยเคร่งครัดตลอดเวลา มีความโอบอ้อมอารีอีกด้วย
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 พย.2564 ที่อำเภอนครชัยศรีผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังทราบว่าเจ้าอาวาสวัดสัมปทวน ทุบหัวสุนัขตายภายในวัดสัมปทวนพื้นที่ ม.4 ต.วัดแค อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่วัดสัมปทวน ได้พบกับ พระครูสุนทร ธรรมานุยุทธ เจ้าอาวาสวัดสัมปทวน อายุ 87 ปี หลวงพ่อ บัว บวชมา 55 พรรษา ชื่อเดิมนายบัว เย็นกาย เป็นคนจังหวัดเพชรบุรี ได้ย้ายมาอยู่ที่วัดสัมปทวนเมื่อปี พศ.2514 ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกรณีมีข่าวออกไปว่าทางเจ้าอาวาสตีหมาตายนั้นจริงหรือไม่ พระครูสุนทร ได้เล่าว่า ในวันเกิดเหตุหลวงพ่อบัวเดินลุยนำ้ที่ท่วมวัด ไปที่กุดชีเพื่อดูสถานที่จะมีช่สงเข้ามาซ่อมแซมอาคารหลังดังกล่าว พร้อมทั้งมีไม้คำ้ยันติดตัวไปด้วยเพื่อเอาไว้คำ้ยันเนื่องจากอายุมากและใต้พื้นที่ก็มีขี้ตะไคร้จำนวนมากอาจส่งผลให้พื้นลื่นล้มได้จากนั้นได้มาถึงที่อาคารกุดชี เป็นที่พักของผู้ที่บวชชี เพราะหลวงพ่อบัวไม่เคยไปเป็นปีแล้ว เมื่อเข้ามาที่กุดชีได้พบประตู้ปิดคั้นเอาไว้ทางหลวงพ่อบัวได้ข้ามที่กั้นลูกกรงเข้ามาภายในกุดชีและแล้วได้มีสุนัขประมาณ 5-6 ตัวเห่าและโหมจะรุมจะพุ่งเข้ามาใส่หลวงพ่อบัว จากนั้นหลวงพ่อบัวได้ใช้ไม้ที่ติดตัวไปตีสุนัขตัวละ1-2 ครั้งเพื่อไม่ให้สุนัขเข้ามาใกล้เข้ามาทำรายเมื่อตีสุนัขไปทำให้สุนัขหยุดไม่เข้ามาทำร้ายหลวงพ่อบัว
ต่อจากนั้นหลวงพ่อบัวได้พูดอีกว่ากุฏิแม่ชีก็มีทำไมไม่เอาสุนัขไปเลี้ยงที่กุฏิของแม่ชีสิ ทางแม่ชีได้ถือมีดขอยาว หลวงพ่อบัวได้เดินทางกลับกุฏิเจ้าอาวาสทันทีซึ่งในเวลานั้นก็ไม่มีสุนัขตัวไหนตายแต่อย่างไรอีกอย่างประตูที่กั้นเอาไว้ทางหลวงพ่อบัวเปิดไม่ได้ถ้าหลวงพ่อเปิดได้ก็จะเปิดให้สุนัขออกไปที่วัดจะทำแบบนี้ไม่ได้เปิดกุดชีให้สุนัขเขาไปอาศัยอยู่ได้อย่างไร ซึ่งกุดชีเป็นที่พักของผู้ที่มาปฏิบัติบวชชี ไม่ใช้ที่อาศัยหลับนอนของสุนัข หลวงพ่อบัวยังพบภายในกุดชีพบขี้สุนัขอีก2 ปุ๋งกีตั้งอยู่ ถ้าหลวงพ่อบัวแข็งแรงกว่านี้ก็จะยกเอาไปทิ้งให้ด้วยแต่ว่าหลวงพ่อยกของหนักไม่ไหว
ภาพ/ข่าว ปนิทัศน์ มามีสุข / นส.ปณิดา มามีสุข จ.นครปฐม